top of page

กฎข้อที่ 10 มุม

 

 

            “ชานยอล!”

 

            ทันทีที่ผมได้ยินเสียงเรียกหน้าประตูอารมณ์ที่เย็นลงก็กลับมาปะทุเหมือนเดิม อี๋ฟานขยับเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ ผมไม่ได้หลบไปไหน ก็ดีจะได้คุยกันให้รู้เรื่องกันไป

 

            “ไปทำร้านเบอเกอรี่เพราะแบบนี้เหรอ” ผมพูดอย่างใจเย็น

            “มันไม่ใช่แบบที่เห็นนะ คือเขาเข้ามาจูบเอง ไม่ได้ตั้งตัวเลย”

            “อืม” โอเคผมเชื่อ เข้าใจแล้ว รอใจเย็นก็คุยกันต่อได้

            “แค่เนี่ยเหรอ มันไม่ใช่จริงๆนะ”

            “รู้แล้ว แค่นี้ใช่ไหม หมดเรื่องแล้วขอตัวนะ”

            “ชานยอล!”

            “อะไร” ผมตอบไปเสียงเรียบ ก็ผมยังไม่หายโกรธไม่ใช่ผมไม่เชื่อนี่ ผมยังไม่อยากมองหน้าเขา ไม่รู้ด้วยว่าเขาอารมณ์ไหน แล้วไง ก็ผมโกรธ

 

            ส๊วบ! …หลังจากมีเสียงเหมือนเส้นด้ายรูดกันอย่างรุนแรง แขนสองข้างโดนรวบไปไขว่ข้างหลังแล้วโดนมัดไว้แน่นทั้งสองท่อนแขน ผมตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น พยายามจะเบี่ยงตัวออก เมื่อทำไม่ได้ผมเลี้ยวตัวจะหันไปเตะเขา เอาว่ะ ทำกันถึงขนาดนี้ ชกกันซักตั้ง! 

            แต่ไม่ทันแล้ว ร่างกายผมถูกไถลกระแทกไปกับพื้นหยุดตรงขาเปียโนพอดี แววตาผมส่งไปมองเขาอย่างโกรธเคือง เขาไม่รับรู้มันเลย ผมก็มองแววตาของเขาตอนนี้ไม่ออกเหมือนกัน ขาของผมอยู่ๆมันก็โดนจับแยกออกจากกัน ผมพยายามถีบเขาเมื่อรู้ว่าเขาจะทำอะไร แต่ข้อเท้าข้างหนึ่งถูกเขาใช้เข่ากดไว้ อีกข้างถูกสายที่โดนดึงออกจากม่านรัดไว้แน่น ไม่นะ ไม่ใช่อย่างที่ผมคิดใช่ไหม อี๋ฟาน ชั้นยังเชื่อใจนายอยู่นะ…

 

            “อย่า…คริส อย่าทำ ไม่เอาแบบนี้ ขอร้อง”

 

            ไม่มีเสียงตอบผมมาเลย เขาไม่มองตาผมด้วยซ้ำ หึ นั่นสิเขาคงจะโกรธผมมากเหมือนกัน เขาโกรธอะไรผมเหรอ ผมไม่รู้จริงๆ เขาไม่เหมือนคนที่ผมรู้จักอีกแล้ว แววตานิ่งด้านชากับการกระทำที่รุนแรงนั่น ผมไม่มั่นใจว่าผมเคยรู้จักผู้ชายคนนี้

 

            ควั๊ก! …เสื้อยืดตัวเดียวของผมโดนสองมือเขาฉีกออก ผมยังไม่ทันจะตั้งตัวและอึ้งกับสิ่งที่เขาทำ เข็มขัด กางเกง และชั้นในตัวสุดท้าย ถูกเหวี่ยงออกจากร่างกายอย่างไม่ใยดี ผมไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงร้องด้วยซ้ำ ขาข้างเดียวที่ผมทำได้ตอนนี้คือถีบเขาออกและดิ้นสุดกำลังที่ผมมี มันไม่ได้ผลเลย ถ้าผมจะหลุดออกผมต้องกระชากขาตัวเองรื้อม่านลงทั้งหมด ข้อเท้าผมคงหลุดออกมาก่อน เอาสิ มันจะเป็นยังไงก็ชั่งมัน ผมเตะขาสุดแรง อึก…เจ็บ

 

            “ไม่ต้องรีบเจ็บหรอก อีกแป๊บเดียวชานยอล เดี๋ยวก็เจ็บเอง”

 

            เขารวบข้อเท้าขึ้นไปวางไว้บนไหล่ ร่างกายท่อนบนเขาเปลือยเปล่าแล้วตอนนี้ กางเกงเขาที่ปลดมันลงมาครึ่งขา แรงที่ผมมีผลักใสเขาหนีสุดกำลัง แต่มือเขารวบสะโพกผมขึ้นบนตักจับหว่างขาผมไปถูกคลึงกับส่วนนั้นของเขาอย่างเร่าร้อน ภาพตรงหน้าที่ผมทนดูไม่ได้ ผมหันหน้าหนี ผมกลัว …เขาในตอนนี้ คนที่ผมไม่เคยกลัวมาก่อน

 

            ไม่นานมากเขาก็ถอดกางเกงออก แล้วขยับตัวมานั่งทับอกผมไว้ คางผมโดนบีบให้อ้าปากไว้ อึก…อื้อ อึก … ไอ้แท่งนั้นของเขาส่งเข้ามาในปากผมจนสุดลำคอ แล้วค่อยๆรูดเข้าออกช้าๆ “อื้ม …”เสียงทุ้มต่ำของเขาออกจากลำคอ เขาคงมีความสุขมากใช่ไหม แค่นี้สินะที่ต้องการมาตลอด แรงขยับจากปากเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆเมื่อเขากระแทกมันเข้ามาจากสะโพก ผมหลับตาลงเพราะทนดูสภาพตัวเองต่อไปไม่ไหวแล้ว คางที่ถูกบีบไว้โดยปล่อยให้เป็นอิสระ เมื่อแท่งในปากผมแข็งและเปล่งคับออกมาปลายลิ้นโดนกระแทกจนซากแห้งผากไปหมด ส่วนปลายนิ่มๆของมันหยอกเย้ากับลำคอผมจนต้องกลั้นหายใจ ซักพักใหญ่ เขาเร่งจังหวะรูดมันเร็วขึ้นจนปากผมเองก็ร้อนผ่าวแห้งผากจนติดลำคอ อึก…ผมไม่ชอบแบบนี้ เอามันออกไปเถอะ อ่า…อึก อึก แอ่ก แอ่ก อ่ะ แรงสำลักออกจากขึ้นจมูกไปหมด น้ำขุ่นสีขาวไหลออกจากปากผม  เขา…

 

            ร่างกายที่โดนแรงฉุดจากท่อนแขนยกตัวขึ้นนั่ง ผมลืมตาขึ้นมองการกระทำของเขา ปากเขากดลงมาบดกลีบปากผมอย่างเร่าร้อน ความรุนแรงที่เข้าใช้ทำให้ผมทรมาน ปลายลิ้นที่เคยสัมผัสกันอย่างอ่อนนุ่มตอนนี้มันกับรูดกลืนโคลนลิ้นผมอย่างจาบจ้วง มือเขาที่เคยประครองร่างผมไว้ กลายเป็นการใช้ปลายนิ้วบดขยี้ทุกส่วนให้แหลกคามือ ร่างกายที่เสียวเร้าทุกส่วนอย่างช่วยไม่ได้ในเมื่อผมก็ยังมีความรู้สึกอยู่  ซอกหูที่โดนมือบีบให้เบี่ยงหน้ารับปลายลิ้นที่กดลงมาไซร้ซอกคอ ลงเขี้ยวคมกัดไล่จนเขียวช้ำเป็นจ้ำๆ ลิ้นร้อนไล่ลงไปจนถึงหน้าอกของผม ดูดเม้นเม็ดติ่งสองข้างอย่างดูดดื่ม แรงหายใจกระเส่าผมเริ่มขึ้น ร่างกายมันแอ่นเอวขึ้นรับปลายลิ้นอย่างช่วยไม่ได้ ตรงข้ามกับความรู้สึกผมตอนนี้กับเขาที่หยาบคาย ล่วงล้ำ ผมรู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองอยากเต้นช้าลงเมื่อมันเจ็บกับคนตรงหน้า

 

            เวลาเดินผ่านไปเรื่อยๆ เมื่อเขาดูออกว่าความรู้สึกของร่างกายผมมันตั้งรับเขาได้แล้ว ผิวหนังทุกส่วนของผมร้อนลุ่ม เม็ดเหงื่อที่ไหล่ย้อยลงจากผ่านหลังและซอกอก ลมหายใจกระเส่าเบาๆมันคงยั่วอารมณ์เขาให้พุ่งพ่านขึ้น มือเขาจับต้นขาผมแยกออกแล้วแทรกตัวเขามา อื้อ…อ่ะ นิ้วมือเรียวยาวของเขาที่เคยจับมือผมไปกุมไว้ตอนนี้มันกอบกุมแท่งรักของผมไว้แน่นรูดขึ้นลงจนสุดปลายอย่างรวดเร็วและบีบเค้น ร่างกายตรงหน้าเขาตอนนี้เกร็งไปทุกส่วน กระตุกเล็กๆรับอารมณ์ที่เขาส่งให้ มันต้านไม่อยู่อีกแล้ว มือเขาเร็วและแรงขึ้น แท่งรักผมเต้นกระชับมือเขาทุกส่วน แรงต้องการของมันอัดแน่น ไม่ต่างจากร่างกายเลย แผ่นหลังงอตัวแอ่นสะโพกกระตุกเอวเกร็งค้างไว้ สมองผมเบลอจนว่างเปล่าไปหมด …น้ำใสๆฉีดออกจากปลายด้ามแท่งรักของผม เปรอะเปื้อนมือเต็มมือของเขา

 

            สิ่งที่เขาทำถ้ามันเกิดจากความต้องการร่วมกันผมคงเขินอาย แต่สิ่งที่กำลังจะเริ่มต่อไปผมเองก็ผู้ชายผมพอรู้ มันทำให้ผมกลัว สายตาผมส่งอ้อนวอนด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี ขอร้องเขาตรงหน้าให้มีสติขึ้นมา อย่าทำแบบนี้กับผมเลย อย่า…

 

            แต่เขาไม่ได้มองมาที่ดวงตาผม ขาเล็กๆของผมถูกจับอ้ากว้างแล้วกดข้อพับลงมาติดหน้าท้อง แท่งร้อนจ่อปลายมันวนไว้ที่ทางเข้าเหมือนการทำความรู้จักในฐานะเจ้าของ ก่อนจะค่อยๆกดเปิดปากและจ่อปลายหัวมันเข้ามา อึก! …เจ็บนิ้วเท้าผมจิกเกร็งทุกนิ้วระบายความเจ็บที่เพิ่งรับรู้ เขาค่อยๆเอามันออกเมื่อเขารู้ว่าปลายทางไม่ต้อนรับเขาแน่ๆ มันถูกเปลี่ยนเป็นนิ้วที่กระทุ้งล่วงล้ำเข้ามาแทน ผมกัดปากตัวเองจนได้กลิ่นคราวจางๆจากปลายลิ้นตัวเอง เมื่อเขาส่งมันเข้ามาเพิ่มวนกระตุกด้านใน แล้วชักออกทั้งหมด ผมผ่อนลมหายใจช้าๆ แต่ไมทันตั้งตัวกับมันได้ สิ่งที่ผมกลัวมากที่สุดก็ถูกส่งเข้ามา แท่งร้อนที่ตอนนี้ค่อยๆแทรกเข้ามาตามที่นิ้วเบิกทางไว้ให้ เขากระแทกมันเข้ามาเปิดทางด้านในในครั้งเดียวจนมิดสุดด้าม

 

“อ๊า!!! … ……..” ควั๊ก… เสียงที่ทำให้ผมรู้ว่าเขาทำมันลงไปแล้วจริงๆ ร่างกายถึงมันจะฉีกขาด ยังน้อยกว่าความรู้สึกของผมตอนนี้

‘อ๊า …………………..อึก อ่า …’ เขาที่โน้มตัวลงมาพอดีให้ปากผมงับลงไปที่ไหล่กดเสียงตัวเองในลำคอไว้ เมื่อปล่อยตัวลงสมองทั้งหมดที่เคยมีว่างเปล่า ไร้แรงยึดเหนี่ยว และเคล้งคว้าง รับรู้เพียงความเจ็บของร่างกายเท่านั้น ซักพักไอ้สิ่งที่อยู่ด้านในตัวผมก็ร้อนเร่าทำงานของมันอย่างเต็มที่ แรงกระแทกหน้าท้องแกร่งกับสะโพกของผมดังแว่วเข้ามาในสมอง มันเริ่มต้นจากช้าเนิบไม่ถึงพริบตาความเร็วมันเพิ่มขึ้นทวีคูณ ทั้งหนักหน่วง กระชั้นชิด อัดเข้ามาในร่างกายผมไม่ยั้ง ร่างกายผอมแห้งของผมสั่นไหวตามแรงกระแทกจนสั่นเทาไปทั้งตัว ความรู้สึกเจ็บที่เพิ่มขึ้นทุกทีจนร่างกายแทบฉีกขาด ทุกส่วนที่เขาสัมผัส บีบคลึง บดขยี้ และดูดกลืนตอนนี้ ผมก็แค่เจ็บ เท่านั้น…

 

            อึก …อึก …อ่า … ‘เจ็บ ไม่ไหวแล้ว ผมเจ็บ อี๋ฟาน พอเถอะนะ พอแล้ว เจ็บ’ ร่างกายที่นอนนิ่งให้เขากระทำอยู่แบบนั้นความรู้สึกที่มันผ่านไปเนิ่นนาน ความเจ็บที่เริ่มชินชาบอกว่ามันคุ้นเคยกันแล้วกับร่างกายนี้แล้ว ไม่ช้ามันจะจบลง เดี๋ยวก็หยุดแล้ว …

 

            ผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเพราะถูกปลุกจากอารมณ์สุดท้ายของเขาที่เร่งเร้าจนถึงปลายทางแล้ว ถึงความรู้สึกยังรับรู้อยู่แต่ก็เหมือนหลับไปแสนนาน ผมมองใบหน้าหล่อเหลาที่หลับตาพริ้มปลดปล่อยอารมณ์สุดท้ายเหมือนอย่างกับว่าความสุขมหาศาลมันท่วมท้น ความอัดอั้นรอการปลดปล่อยของมันถึงจุดสูงสุดแล้ว ผมก็เป็นผู้ชายผมเข้าใจ น้ำร้อนๆเป็นสายถูกฉีดจากส่วนนั้นใส่แผลสดข้างในจนแสบไปหมด ไม่ต่างกับราดน้ำเกลือบนแผลเปื่อยแล้ว เมื่อมันไหล่หมด เขาก็เอาแท่งร้อนนั้นออกจากตัวผม เชือกที่มัดแขนผมไว้แน่นถูกแก้ออก ขาก็เหมือนกัน ร่างกายที่ถูกพันธนาการไว้เป็นอิสระแล้ว ผมอยากยิ้มออกมาให้เขาเพื่อขอบคุณที่ยอมปล่อยผมซักที ก็ทำไม่ไหว

 

            แสงที่สาดทอเป็นสีส้มแก่บอกเวลาเย็น เป็นแสงสุดท้ายก่อนดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้าของอีกวัน เขาที่นั่งก้มหน้าอยู่ปลายเท้า สองแขนผมค่อยๆยันตัวลุกขึ้น อึก! อ่ะ… ปึก! ร่างกายมันกลับกระแทกลงมาที่พื้นอีกครั้ง น้ำที่คลั่งอยู่ภายในค่อยๆไหลลงมาระหว่างขาเป็นสีชมพูอมแดง ผมขบกามตัวเองไว้แน่น ขาทั้งสองข้างสั่นเทา มันคงเหนื่อยล้าเกินไปใช่ไหม ไม่เป็นไรหรอก อย่างนั้นก็พักตรงนี้เถอะนะ คงไม่มีแรงพาแกไปต่อแล้ว ขอโทษนะที่ใช้งานหนักขนาดนี้

 

            อี๋ฟานลุกขึ้นไปไปที่โซฟา เขาหยิบผ้าห่มผืนใหญ่ที่เราชอบใช้ร่วมกันตอนเล่นเกม ดูทีวีหรือกินบะหมี่ก็ตาม ติดมือมาด้วย

 

            ปุ๊ก …ส๊วบ เขาที่โน้นตัวลงมาโอบกอดร่างกายและประครองหัวผมเข้าซุกอกอย่างอ่อนโยน มือผมจับไหล่เขายึดไว้แล้วตบมันปลอบเบาๆ ผ้าห่มผืนนั้นคุมไว้รอบตัวผมอย่างมิดชิด เขาคนเดิมกลับมาไม่ทัน ตอนนี้ผมคนเก่าจากเขาไปแล้ว

 

            “ขอโทษ ชานยอล ชั้นขอโทษ”หยดน้ำใสๆไหลออกจากดวงตาเขา

 

            “ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรหรอก… แค่นี้เอง”

 

             ปากผมแทบจะไม่มีเสียงออกมา พยายามพูดออกไปทั้งที่ผมเองมันก็รู้สึกด้านชาไปหมด สมองสั่งงานให้ผมต้องปลอบเขา ไม่รู้ทำไม แรงกอดของเขาแน่นขึ้นซุกหน้าลงมาหาผมแล้วพรมจูบมาทั่วใบหน้า แต่ผมไม่รู้สึกอะไรเลย ตอนนี้แค่อยากอาบน้ำแล้วนอนพักซักที แต่เขาก็กอดผมอยู่แบบนั้น

 

            ความมืดเริ่มครอบคลุมท้องฟ้าจนเกือบมืดมิด เวลานี้ให้ความรู้สึกเยือกเย็นและสงบ เป็นช่วงเวลาที่ไม่เจอทั้งกลางวันและกลางคืน เหมือนกับว่าเวลามันหยุดนิ่งอยู่ตรงนี้ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ก็คงจะดี

 

            คนที่กอดผมไว้ค่อยคลายอ้อมกอดผมออกแล้วเบี่ยงตัวมาให้ผมนั่งซบไหล่จากด้านหลัง เขาคงเห็นสายตาของผมว่ากำลังมองอะไรอยู่ มือเขายังพยายามลูบหัวผมเบาๆ

 

            “เจ็บมากไหม”เสียงบางเบาของเขาถามขึ้น จมูกกดลงมาที่แก้มซ้ายผม

 

            ผมไม่รู้ว่าจะต้องตอบคำถามนี้ยังไง ความทรงจำมันกำลังย้อนกลับไปเมื่อผมเจอเขา เขาชอบฟังเพลงหนึ่งที่ผมเล่นกีตาร์ให้ฟัง นั่นสิเพลงนี้น่าจะปลอบเขาได้ตอนนี้

“ame ga sugite natsu ha
หยาดลมฝนหยดลงที่ตรงใจกลาง


ao wo utsushita
นภาเปลี่ยนแปลงและดูหม่นหม่น


hitotsu ni natte
คอยรั้งกันเอวไว้ อยู่ตรงนี้…


chiisaku yureta
หนาวสั่นไปทั้งกายทันที


watashi no mae de
คงจะดีถ้ารู้ก่อนเอ่ย


nani mo iwazu ni
เคยกล่าวอย่างไรกับเธอไป…”


            ถึงเสียงร้องตอนนี้ของผมจะเบาบาง แต่ผมก็อยากให้เขาได้ยิน …

 

           “อย่าร้อง อย่าเพิ่งร้องนะ” เขาบอกแบบนั้นผมก็เงียบเสียงลง

 

            ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เขารู้สึกอย่างไร แต่ผมรู้สึกแบบนี้ ถึงผมจะเจ็บ แต่เขาไม่จำเป็นต้องเจ็บเมื่อเขาเลือกจะทำมันลงมาแล้ว คำตอบของผมไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำว่ายอมให้อภัยเขาไหม จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้โกรธมากมายอะไรนักหรอก ผมรู้ความรู้สึกของตัวเองเสมอ ผมถามตัวเองแล้วว่ายังสามารถใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ร่วมกันเขาได้ปกติ แต่ขออย่าให้เรามาเกี่ยวข้อกันอีกเลย ผมทนไม่ไหวถ้าต้องเป็นแบบนั้น แค่จะมองหน้าเขาตอนนี้ ก็เป็นเรื่องยากมากพอแล้วสำหรับผม 

 

bottom of page