ตะวันตกดินไปแล้วของอีกวัน
‘ถ้าวันนี้ไม่พักพี่ไปทำงานเป็นเพื่อนนะ’
จากคำพูดของผมเมื่อเช้า ทำให้ผมต้องหอบงานตัวเองมานั่งอยู่ตรงนี้ -_-; ภรรยาผมก็ทำงานเหมือนกัน เขาจดจ่ออยู่กับงานเหมือนผมไม่มีตัวตนอยู่ในห้อง ความน่าเบื่อสุดๆคือพักเที่ยงเขากินข้าวในห้องทำงาน ไม่ถึง 15 นาทีเขาทำงานต่อ นี่เมียกูเป็นหุ่นยนต์กินเอกสารเป็นพลังงานหรือป่าวว่ะ T.T;
“ชานยอลอ่า…”
“คร๊าบบบบ”
“…” เงียบครับพูดไม่ออก
ผมดีไซน์งานคอเล็กชั่นใหม่เสร็จแล้ว แรงบันดาลใจมากจากภรรยาของผมล้วนๆ ดินสอยังทัดอยู่ที่หูผม ลงมาทัดไว้ที่ปาก หมุนเล่นที่นิ้วกลิ้งไปกลิ้งมา นอนเล่นอมมันไว้ในปาก เด้งตัวขึ้นมาวางมันลงที่โต๊ะ -_-;
“พี่ครับเดี๋ยวผมมานะ ไปร้านค้าฝั่งตรงข้ามตึก อยากได้อะไรไหม?”
“อยากได้นายอ่ะ” ผมบอกออกไปเซ็งๆ
“โอเคครับ เดี๋ยวซื้อถุงยางมาด้วย ^^;”
O_o; เมียกู แรง ลิมิเต็ดอิดิชั่น !! คุยกับผมเสร็จเขาก็เดินออกไป
ผมเดินลงมาข้างล่างเพราะอยากหาเบียร์เย็นๆดื่ม แต่ถ้าบอกออกไปก็โดนว่าอีกแน่นอน เฮ้อ… ซื้อเสร็จ ผมกำลังเดินกลับ เบียร์เย็นๆชุ่มปอดกระดกเข้าปากด้วยความแฮปปี้ >//<; อยากสูบบุหรี่ด้วยจังเลย แต่มีกลิ่นเดี๋ยวผมโดนแขวนอีก ทำไงได้สามีผมเหมือนเป็นผอ.องค์การอนามัยโลกสะงั้น หมากฝรั่งยังไม่ให้เคี้ยวเลย โคตรเซ็ง -_-;
ผมหยุดรอสัญญาณไฟเพื่อข้ามถนนกลับบริษัท ยืนหมุนตัวไปมา ฮา… อารมณ์ดีจัง หึหึ ยกกระป๋องเบียร์จ่อปากไว้กระดกอีกรอบ อึก อึก …ชื่นใจ ^^; อ่ะ! สัญญาณไฟรถหยุดแล้ว ขาผมออกเดินลงไปกลางถนน
เอี๊ยดดดดดด !!! … รถคันนึงพุ่งตรงมาหาผม ผมก้าวถอยหลังได้แค่ครึ่งก้าว โครม! …พลั๊ก!!! แรงปะทะรถเข้าที่ตัวผม ความรู้สึกเหมือนตัวเองลอยเคล้งอยู่กลางอากาศ อัก…แรงกระแทกเข้ากับพื้นถนนของตัวผม ก๊องๆๆ …กระป๋องเบียร์กลิ้งออกจากมือผม จนผมคว้าไม่ถึง แล้วภาพทุกอย่างก็ดับมืดลง
ห้องทำงาน
เกือบชม.แล้ว ไปนานจังนะ เขาไปนานจัง โทรหาดีกว่า
(((ครื๊ด))) (((ครื๊ด)))
ผมมองหาแรงสั่นจากโทรศัพท์ของภรรยา มันวางอยู่บนโต๊ะ อ้าวไม่ได้เอาไปด้วยนี่หว่า เฮ่อ…ผมเดินไปมองออกไปนอกตึกระยะไกลมากผมเห็นมินิมาร์ทฝั่งตรงข้ามเล็กๆ กลางถนนเหมือนมีอุบัติเหตุ รถรพ.มารับคนเจ็บกำลังขับออกไป ส่วนรถที่เป็นคู่คดีเหมือนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคุยอยู่ ผมหันหลังกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานของภรรยา หืม? …รูปผมเหรอ
รูปผมถูกใส่กรอบไม้อย่างสวยงามคู่กับปากกาบนโต๊ะทำงานของเขา ผมยิ้มกว้างออกมาแก้มแทบปริ ถ้าผมไม่เดินมาตรงนี้ผมก็จะไม่เคยได้รับรู้อะไรเลย ชานยอลมองผมเป็นคนสำคัญของเขาเหมือนกัน ผมวางรูปกลับไปที่เดิม ก่อนที่เขาจะขึ้นมา โต๊ะทำงานของภรรยาผมสะอาดเรียบร้อยมาก มิน่าเวลาที่เขาอยู่บ้าน บ้านเรียบร้อยสะอาดสะอ้าน ทุกอย่างถูกดูแลเป็นอย่างดี รวมทั้งผมด้วย เขาก็ดูแลผมอย่างดีเหมือนกัน ^^;
ก๊อกๆๆ …เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“คุณคริสคะ ! รีบไปกันเถอะคะไปเดี๋ยวนี้” นาอึนเลขาของชานยอลดูรีบร้อนด้วยสีหน้าตกใจมาก เธอจูงแขนผมและดึงให้ออกมาจากห้อง
“คุณนาอึนครับ เกิดอะไรขึ้นๆ” ผมรั้งแขนเธอไว้ เพื่อถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อน -_-;
“พี่คะ พี่ …พี่ถูก”
“ตั้งสติก่อนครับใจเย็นๆแล้วค่อยพูด”
“พี่ชานยอลถูกรถชนคะ!” …ว่า ว่าไงนะ เป็นใครนะ เหมือนทุกอย่างรอบตัวผมมืดไปหมด สิ่งเดียวที่ผมทำตอนนี้คือมุ่งหน้าเดินออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด หัวใจของผมไม่รู้มันเต้นอยู่หรือป่าว ใบหน้าของหวานลอยเข้ามาในสมองผมอย่างชัดเจน เป็นอะไรไปไม่ได้นะ ไม่ได้เด็ดขาด!
นาอึนขับรถให้ผม เราทั้งคู่รีบมารพ. ผมวิ่งตรงไปหน้าห้องที่ภรรยาฝ่าตัดอยู่ นาอึนเหมือนจะร้องไห้ ผมดึงเธอมากอดปลอบไว้เหมือนน้องสาว จนกว่าผมจะรู้อาการแน่ชัดผมจะไม่คิดอะไรไปก่อน ผมเชื่อว่าเขาต้องปลอดภัย มาอยู่กับผมเหมือนเดิม
“คริสลูก !” คุณแม่ของชานยอลโผเข้ามาจับมือผมไว้ ผมกุมมือมือนั้นตอบแน่น แม่ผม พ่อชานยอล และพี่สาวของเขาเดินตามมาอย่างร้อนรน
“เป็นไงบ้างลูก” แม่ผมถาม
“ยังไม่รู้ครับ” ผมตอบ
“ไม่เป็นไรนะ ใจเย็นๆไว้ ต้องไม่เป็นอะไร” แม่ผมตบหลังปลอบผมไว้ ทุกคนยืนล้มวงกัน นาอึนเธอก็ยืนร้องไห้อยู่ข้างๆ
2 ชม.เศษ ผ่านไป
ผมดูเวลาอยู่ตลอด ใจผมจดจ่ออยู่กับทุกสิ่งมือบีบเข้าหากับแล้วกุมขมับแน่น เวลาบั่นทอนกำลังใจผมลง แม่ของภรรยาผมเธอร้องไห้หนักขึ้น พ่อของเขากอดปลอบเธอไว้แต่ดวงตาก็เริ่มคลอด้วยน้ำใสๆ พี่สาวของชานยอลยังนั่งเงียบมองไปที่ประตูห้อง ท่าทางของเธอเย็นชาราวกับไม่รับรู้อะไร แต่สายตาของเธอแนวแน่ แววตาแบบที่ชานยอลเป็น ความรู้สึกของเธอไม่ต่างอะไรจากพ่อและแม่ แต่เข้มแข็งมากไม่ต่างจากน้องชายของเธอเลย ผมมองเห็นตัวภรรยาของผมในตัวเธอ เธอมองมาที่ผมเมื่อรู้สึกได้ว่าผมมองเธออยู่
“คริส ไปคุยกับพี่หน่อย”
ผมเดินตามเธอออกมาหยุดบริเวณทางเดินกว้างที่มีแค่เรา เธอหันหน้ามามองผม รวบมือผมไปกุมไว้สองข้าง สายตาเธอหวั่นไหวและร้อนรน
“คริส ฟังพี่นะ ถ้าชานยอลเป็นอะไรไป นายต้องไม่ยึดติดมันเอาไว้”
“…” ผมอึ้งในสิ่งที่พี่สาวพูด เธอไม่ได้มีแค่ความเข้มแข็ง คำพูดของเธอทำให้ผมปวดที่หัวใจเหมือนมีเข็มเป็นร้อยมาทิ่มแทง ความเชื่อของผมเหมือนเรือเล็กที่โดนคลื่นซัดมาทุกทิศทาง
“ถ้าอาการของเขาหนักเกินจะบำบัดรักษาให้ครบสมบูรณ์เหมือนเดิม เธอต้องปล่อยมือน้องพี่กลับมาหาครอบครัว แล้วกลับแคนาดาสะ ถือว่าพี่ขอร้อง”
“พี่สาวครับ” น้ำตาผมไหลออกมา ถึงคำพูดของเธอจะเย็นชา แต่เธอพูดเพราะเธอห่วงใยผม เธอเดาออกว่าผมรู้สึกยังไงกับน้องชายของเธอ
“ตอบตกลงกับพี่สิคริส”
“ไม่ครับ ผมจะอยู่กับเขา”
ผมหันหลังให้เธอแล้วเดินกลับมาหน้าประตูห้องฝ่าตัด ตาผมมองเข้าไปด้วยความเชื่อและความหวัง ไม่นานคุณหมอเจ้าของไข้ก็ออกมา
“ญาติของผู้ช่วย ปาร์ค ชานยอลครับ”
“ผมครับๆ ผมเป็นพ่อของเขา”พ่อและแม่ของชานยอลจับมือกันลุกขึ้น ผมยืนอยู่ข้างๆ
“พ้นขีดอันตรายแล้วนะครับไม่ต้องกังวล หน้าผากมีรอบแตกแต่สมองไม่ได้รับการกระทบกระเทือน กระดูกขาท่อนล่างหักหมอเข้าเผือกหุ้มไว้แล้วครับ อีกเดี๋ยวเราจะย้ายห้องผู้ป่วย”
ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณจริงๆ
ผมเดินกลับเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย หลังจากที่ส่งครอบครัวที่หายกังวลแล้วกลับบ้านไปพักผ่อน ผมจะทำหน้าที่ดูแลภรรยาผมเอง ผู้ป่วยชายใบหน้าหวานที่นอนหลับใหล บนหน้าผากถูกคาดด้วยผ้าพันแผล ใบหน้ามีรอดแตกเล็กๆบนแก้มบาง เรียวแขนยาวที่ผมจับอยู่มีก็มีรอยถลอกหลายจุด ขาท่อนล่างซ้ายทั้งท่อนถูกใส่เผือกไว้ ผมไม่กล้าลูบมือลงไป ผมกลัวเขาเจ็บไปมากกว่านี้
ผมลากเก้าอี้มานั่งข้างๆเตียงผู้ป่วย แล้วกุมมือไว้แนบหัวของผม จนกว่าเขาจะฟื้นผมจะอยู่ตรงนี้ …
ผมเผลอหลับไปตอนไหน T.T; ผมก้มลงมองนาฬิกาตีสามกว่าแล้ว ตาผมเลื่อนไปที่เตียงคนไข้ ดวงตากลมโตมองกลับมาที่ผม เขายิ้มให้ผม เมียผมฟื้นแล้ว ผมยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่ปากผมจะกว้างได้กลับไป โอบรัดตัวเขาเข้ามากอดแนบอกไว้แน่น เขาตบหลังผมเบาๆ
“เจ็บมากไหม หืม?...”
“ไม่ครับ ชิวๆเลย หัวแตกนิดหน่อย อ่า…ขาอาจเดินไม่ถนัดแค่วันสองวันเอง” รอยยิ้มกว้างสดใสชูสองนิ้วขึ้นมาทำหน้าทะเล้นใส่ผม
“หมอให้พักอยู่รพ.เพื่อดูอาการก่อนสองสามวัน”
“ผมต้องทำงานให้เสร็จ”
“ไม่ได้! พักก่อน” ผมแสดงอารมณ์โกรธ ผมเหลืออดกับการทำงานของเขาจริงๆ
“พี่ครับ” เขารวบมือผมไปกุมไว้แนบแก้ม “ให้ผมกลับไปอยู่บ้านนะพรุ่งนี้หลังจากตรวจแล้ว ผมอยากอยู่บ้านของเรามากกว่า ไม่ไปทำงานก็ได้”
“แต่หมอให้นายอยู่นี่ก่อนนะ”
“งั้นพี่ก็มัดผมไว้เถอะ เราจะเจอกันที่ออฟฟิศ-_-;”
“ไว้จะคุยกับหมอให้-_-;”
“ขอบคุณนะ สามีที่รัก” O_o; หูเพี้ยนไปหรือป่าว หรือคนป่วยเพี้ยน
“…”
“ปิดไฟให้หน่อยได้ไหม ผมไม่ชอบ” ผมยิ้มให้แต่ก็ยังไม่หายตื่นเต้น เดินไปปิดไฟตามคำขอ แสงในห้องมืดลงทันที แสงไฟที่ส่องมาแสดงเดียวคือจากประจกบานเล็กหน้าประตูห้อง
“นอนกันเถอะ”
“นอนสิพี่จะเฝ้าชานยอลเอง”
เขาส่ายหน้าให้ผม ดึงมือผมเอาไว้ “ขึ้นมานอนด้วยกัน”
-O-; “นี่รพ.นะแล้วนายก็ป่วยอยู่” ผมส่งสายตาดุ แต่ไม่แน่ใจว่าเขาเห็นหรือป่าวเพราะแสดงที่มืดมาก
“ชวนขึ้นมานอนกอดไม่ได้ชวนมีเซ็กนะครับ เตียงก็ใหญ่พอนอนได้สองคน อย่าเรื่องมากขึ้นมาๆ” เตียงถูกตบเรียกผมแล้ว -_-;
เหอะๆ ไม่ว่าจะที่ไหนเมียกูก็โคตรแมน ! ก็ได้ว่ะจัดให้ตามคำขอ -_-;