top of page

 

 กฎข้อที่ 2 แรงดึงดูด

 

            เพียงผ้าห่มผืนเดียวที่ห้ามสัมผัสของเราไว้ -_-; ไม่ใช่ล่ะ เอาใหม่!

            เพียงผ้าห่มผืนกว้างที่กั้นสองเราไว้ไม่ให้พบเจอ นอนหลับใหลบนเตียงเดียวกัน หากแต่ไร้สัมผัสใดๆ เนิ่นนานที่สองร่างโหยหาการพักผ่อน บรรยากาศภายในห้องเริ่มเย็นลงเพราะเจ้าของห้องไม่ได้ใส่ใจกับอุณหภูมิของมันก่อนหลับไป ผ้าห่มของอีกร่างที่นอนหลับใหลจึงถูกแย่งยิง แรงดึงทำให้เขารู้สึกตัวขึ้น
 

-_-^; เกิดอะไรขึ้น ลืมพัดผ้าห่มไปเหรอ ไม่ใช่สิ มันจะพัดไปได้ไง มันโดนดึงไปต่างหาก ดึงไป เฮ่ย ! ไม่ใช่ล่ะ ใครจะมาดึงล่ะ ความงัวเงียหายไปทันที เขากดเปิดไฟที่หัวเตียง ก็พบว่ามีอีกร่างนอนขดตัวอยู่ดึงผ้าห่มของเขาไปกอดไว้
 

O_o; โห… ผมตกใจแทบช๊อค ใครไม่รู้มาจากไหนเข้ามาที่ห้องแล้วนอนเตียงเดียวกับผม ผมนั่งมองหน้านั้นอยู่หลายนาที ไม่กล้าแตะ ไม่กล้าขยับ ไม่กล้าทำอะไรเลย ดูให้แน่ใจว่านั้นใช่คนหรือป่าว ลมหายใจทอดสายสม่ำเสมอของเขาทำให้ผมมั่นใจ เขาเป็นคน แต่เขาเป็นใคร
 

จะปลุกให้ตื่นขึ้นมาคุยกันก็ไม่กล้าทำ เหมือนกับว่ามีตู้กระจกไม่รู้ขนาดกลั้นระหว่างผมกับเขาไว้ รอเวลาให้เขาตื่นขึ้นมาเองคงดีกว่า  ‘อยากเห็นหน้าเหมือนกันนะ มองจากตรงนี้ไม่เห็น’ ผมลุกจากผ้าห่มมานั่งขันเขาข้างๆเขา เอื้อมมือจะยกหัวให้หันหน้ามาก็ไม่กล้าอีกแล้ว -_-; แล้วมันจะได้เห็นไหมล่ะ ‘หันหน้าขึ้นมาทีสิ อยากเห็น’ O_o; ร่างที่นอนอยู่ขยับตัวเบี่ยงหน้าขึ้นมาตามที่ผมขอในความคิด ตอนนี้ผมเห็นใบหน้าของเขาชัดเจน
 

คิ้ว ตา จมูก และปากบ่งบอกว่าเขาคือคนเอเชีย แน่นอนว่าเขาต้องเป็นคนเกาหลีด้วย เกาหลีมีผู้ชายหน้าหวานเยอะแยะ หมอนี่เป็นหนึ่งในนั้น รูปร่างสูงพอๆกับผมเลย แต่ผอมแห้งไปหน่อย หล่อน้อยกว่าผมอยู่ดี -_-;
 

ผมยังคงนั่งอยู่อย่างนั้น หมอนี่ก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา ขยับไปทุกท่าที่สามารถนั่งมองหมอนี่ได้ให้นานที่สุดแล้ว ผมก็เอนตัวลงนอนข้างๆ ฟุ่บ ! ... เหมือนมันจะใกล้เกินไป หน้าผมห่างกับหมอนี่ไม่ถึงสองเซนติเมตร จะถอยตัวออกก็ต้องขยับตัวแรงๆเพื่อถอยออกไป -_-; นอนมันทั้งอย่างนี้แหละ ตื่นมาค่อยคุยกัน …ปากน่าจูบเหมือนกันนะ -_-^; หยุดความคิดตัวเองเดี๋ยวนี้ นอนเถอะ

 




 

 

///

สงสัยเมื่อวานผมคงจะเหนื่อยจากการทำงานมากไปหน่อย ตื่นมาถึงเห็นใครไม่รู้มานอนด้วย ลืมตาขึ้นปุ๊บเห็นปั๊บ O_o; ไม่น่าจะใช่อาการเหนื่อยค้างของผมแล้วล่ะ มันคือภาพจริง โหยยย! ผมงอเข่าถีบขาไปที่ไอ้คนนอนอยู่เต็มแรงด้วยความตกใจ เฮ้ยมาได้ไง!!

พลั๊ก ! …ตุ้บ “โอ๊ยยยย !” เขาหล่นไปอยู่กับพื้นห้อง ลุกขึ้นมาได้ก็มองหน้าผมด้วยแววตาเหมือนอยากจะฆ่า เอาไงดีล่ะ ก็คนมันตกใจ แล้วเขาเป็นใครว่ะ มาอยู่ห้องผมได้ไง เรามองหน้ากับไปมา ชั่วอึดใจเดียว ผมต้องถามออกไป

“นายเป็นใคร/นายเป็นใคร”

เขาถามผมเป็นภาษาเกาหลี แต่ใบหน้าเขาไม่ใช่ เราสบตากันอีกครั้ง รอคำตอบของกันและกัน โอเคผมควรเริ่มก่อน

“ผมเป็นเจ้าของห้องนี้ชื่อ ปาร์ค ชานยอล” เขามองผมตาโตแต่ผมไม่รู้ว่าอารมณ์ไหน

“นายมาอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เดือนก่อน”

“โอ๊ย พลาดเอง -_-;”เขาสบถออกมาแต่ผมได้ยิน “ถ้างั้นขออยู่ด้วยคนสิ แล้วจะหารค่าห้องช่วย”

O_o; Who What Where When Why How? For -_-; “ผมขอข้อมูลคุณก่อนครับ” จริงๆผมแค่ชั่งใจถามไปก่อนแล้วค่อยปฏิเสธ ผมไม่รู้ว่าถ้าผมไม่ยอมจะเกิดอะไรขึ้น

“ชั้นชื่อ … เอ่อ ผมชื่อ คริส ครับ ผมจะย้ายเข้ามาอยู่ห้องนี้เพราะ เพราะแม่ผมกับเจ้าของที่นี่เป็นเพื่อนกัน แล้วเธอก็วางใจให้ผม เข้ามาอยู่”ผมแทบจะขำก๊ากออกมา แม่รู้จักเจ้าของเหรอ ฮ่าๆๆๆ คนแบบนั้นน่ะนะ

“จริงเหรอครับ ไม่ใช่ว่าคุณคือลูกชายเจ้าของที่นี่เหรอ?” ผมยิ้ม

“ไม่ใช่! ไม่ใช่นะแค่ป้าแก่ๆเขารู้จักกันสองคน บอกไปแล้วไง นายไม่รู้จักพวกเธอหรอก เอาเป็นว่ายังไงผมก็ต้องอยู่ที่นี่” เขาตัดจบไม่อยากให้ผมสนทนาต่อ เขารู้ได้ยังไงว่าผมไม่รู้จักแม่ของเขา -_-;

“ผมรู้จักเจ้าของที่นี่ครับ” ผมบอกออกไปตามตรงดีกว่า

“ไม่มีทาง คนแบบนายไม่มีวันรู้จักคนระดับเธอหรอก -__-;” สายตาเขาเหยียดหยามผมสุดๆ อย่างกับว่าผมอยู่ฝั่งโลกด้านมืด ไม่มีทางรู้จักโลกด้านสว่างกันเลยทีเดียว

“ผมรู้จักจริงๆ”

“ฮ่าๆๆๆๆๆ”นั่นไงหัวเราะ ปรบมือชอบใจมากมาย “เลิกอำได้แล้วน่า ยังไงนายก็ต้องแบ่งห้องกับชั้น”

“รวยมากทำไมไม่ไปเช่าที่อื่นล่ะครับ” ผมต้องหาทางออก เขาเป็นลูกชายเธอแน่ๆ เหมือนผมกำลังรื้อภาพใบหน้า ที่อยู่ในความทรงจำ

“มันจำเป็นต้องอยู่นี่เข้าใจไหม! ไม่อย่างนั้นชั้นจะฉีกสัญญาเช่านายสะ” ตัวตนโผล่ล่ะ ผมยิ้มขำ แต่แกล้งทำหน้าตายไว้

“จะฉีกได้ไงคุณไม่ใช่เจ้าของที่นี่”

“ชั้นจะบอกแม่ให้ไปคุยให้ เลิกพูดได้ล่ะ ตกลงนายจะเอายังไง” ท่าทางวางกล้าม เชิดหน้าขึ้นให้ดูสง่างามของเขา เหมือนแม่ไม่มีผิด -_-;

“ตกลง แบ่งกันคนละครึ่ง หารค่าเช่าออกครึ่งหนึ่ง ห้องนี้ของผม ไปทำความสะอาดอีกห้องเองนะครับ” ผมตอบตกลงไปเลยดีกว่า เพราะเธอคนนั้นคงรู้แล้วว่าเขามาหาผม TT; แต่เขาจะรู้ไหม เขาหนีแม่มาเจอใคร ไม่จำเป็นต้องบอกอยู่ดี 

“ทำไม่เป็น” กูว่าแล้ว -__-^;

“ก็อยู่ไปแบบนั้นแหละ”

 

 

 




 

///

หมอนี่คุยง่ายดีครับ เขาตกลงให้ผมอยู่ด้วย *-*; แต่ตอนนี้ผมเจอปัญหาใหญ่ ผมทำความสะอาดห้องตัวเองไม่เป็น ไม้กวาด เครื่องดูดฝุ่น ผ้าชุบน้ำ อุปกรณ์ต่างๆเขาเตรียมมาให้ผมครบแล้ว เหลือแค่ตัวผมเอง ผมไม่ยอมทำความสะอาดห้องนี้โดยที่เขาไม่ยอมช่วยอะไรเลยหรอก หึหึ มันต้องมีวิธีสิ ทำให้หลงเสน่ห์ผมสะ แล้วทุกอย่างจะง่ายขึ้น -_-^;
 

ผมเดินออกมานอกห้อง เขานั่งเล่นกีตาร์อยู่บนเก้าอี้บุนวมสีแดงตัวใหญ่มุมห้องหันหน้าให้กระจกกว้าง ม่านที่เคยขวางกั้นถูดปัดออกให้พ้นทาง แสงไฟนับร้อยดวงหรือมากกว่านั้นส่งแสงมาจากที่ไกล เหมือนดวงดาวรายรอบอยู่ร่างตรงหน้าผม ขาเรียวไขว่กันยกสูงขึ้น ร่างกายผอมบางคร่อมตัวเล็กๆ ผมมองเห็นเอวบางเรียบผ่านเสื้อเชิตตัวโคร่งที่เขาสวมอยู่เมื่อแสงสาดกระทบ ภาพที่มองเห็นจากมุมนี้ แสงสาดผ่านใบหน้าหวานนั้นแค่เสี้ยวหน้ารับกับดั้งโด่ง ปากหยักได้รูป มุมที่ผมเหมือนโดนมนต์สะกด เวลารอบตัวผมหยุดเดิน …เสียงแหบห้าวคลอเสียงกีตาร์เริ่มขึ้น


saita nonohana yo
เหล่าดอกไม้ บาน ณ.กลางทุ่งใหญ่
aa douka oshiete okure
บอก …กับตัวฉัน ให้ได้ฟังซักคำเถอะนะ
hito ha naze kizutsukeatte
เหตุใด ทำร้ายกัน เกลียดชังกัน ไม่เหมือนอย่างเคย
arasou no deshou
ไม่เคยจะ เข้าใจ เหตุผล


rin to saku hana yo
เหล่าดอกไม้ บาน ณ.กลางทุ่งใหญ่
soko kara nani ga mieru
สิ่งที่เธอพบ ก็คือภาพอันโหดร้าย
hito ha naze yurushiau koto
เหตุใด จึงไม่ยอม อภัยกันซักทีได้ไหม
dekinai no deshou
อาจจะเป็น เพราะมันขัดตา…

           

            ฮัด!!! ชิ่ว …แอ …อุ๊บ ผมเอามือปิดปากไว้ เขาหยุดเล่นหันมามองผม ผมกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ รู้ตัวอีกทีผมเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว

            “เล่นต่อได้ไหม”

            แววตาสดใส รอยยิ้มหวาน ส่งมาให้ผม …ใจผมเต้นแรงกว่าเดิม


ame ga sugite natsu ha
หยาดลมฝนหยดลงที่ตรงใจกลาง
ao wo utsushita
นภาเปลี่ยนแปลงและดูหม่นหม่น
hitotsu ni natte
คอยรั้งกันเอวไว้ อยู่ตรงนี้…
chiisaku yureta
หนาวสั่นไปทั้งกายทันที 
watashi no mae de
คงจะดีถ้ารู้ก่อนเอ่ย
nani mo iwazu ni
เคยกล่าวอย่างไรกับเธอไป…


kareteyuku tomo ni
เหล่าสหาย เลือนลับตาจนหมด
omae ha nani wo omou
เธอจำได้ไหม ถ้อยคำที่เคยเก็บไว้
kotoba wo motanu sono ha de
เก็บมันมาจารึกลง อยู่บนใบของมวลดอกไม้

nanto ai wo tsutaeru
คำว่ารักนั้นคือ อะไร


natsu no hi ha kagette
ใต้เหงาแสงอุ่นแสง อุ่นไอท่ามกลางตะวัน

kaze ga nabiita
ลมโบกโชยพัดมาเย็นๆ
futatsu kasanatte
มีแค่สองสิ่งนี้ ก็พอแล้ว
ikita akashi wo
คอยบอกเราว่ามีตัวตน
watashi ha utaou
เพลงที่เคยร้องไปวันวาน
na mo naki mono no tame
ร้องให้ใครกัน อยากจะรู้ เพื่ออะไร…

 

            “ไม่ทำความสะอาดเหรอ” เขาหยุดเล่นแล้ว

            “เพลงอะไรเหรอ”

            “ชอบเหรอ”

            “ใช่”

            “Euterpe”

            ผมยืนมองไปทิวทัศน์ด้านนอก ไม่อยากมองหน้าคนที่อยู่ใกล้ผมตอนนี้ ความรู้สึกหลากหลายแล่นผ่านตัวผม ผมไม่เคยหยุดมองใครนานๆหรือฟังใครพูดอะไรจนจบประโยค แต่ผมฟังเขาร้องเพลงจนจบ …

            ผมจะหนีไม่ได้ ต้องกล้าเผชิญหน้า ผมหันหลังกลับไปมองเขาอีกครั้ง

มีแค่…กีตาร์ที่วางอยู่ -_-\\;

‘ไปไหนแล้วล่ะ’







 

///

ห้องที่รกรุงรัง

จะทำยังไงได้ล่ะในเมื่อผมให้นายน้อยแบบเขามาทำความสะอาด ผมคิดไว้ก่อนแล้วว่ามันต้องไม่คืบหน้าไปไหน ไม่พอยังแอบอู้ไปยืนมองผมเล่นกีตาร์อีก ก็ต้องเป็นผมสินะที่มาทำความสะอาดห้องให้ หวังว่านายจะไม่ดูดีแค่หน้าตาอย่างเดียวนะ อู๋ อี๋ฟาน ขอดูนิสัยที่แม่นายบ่มเพราะมาแสนนานหน่อยแล้วกัน ^^;
 

แล้วเขาไม่คิดจะมาช่วยผมทำความสะอาดหรือไง -_-^; พอผมแง้มประตูออกไปดูเท่านั้นล่ะ ยืนสง่างามชมวิวยังกับท่านชาย ผมก็คือเมดดีๆนี่เองสินะ
 

ผมเชื่อว่าเขาต้องมีเหตุผลที่ออกมาจากบ้านแบบนี้ ผมพอจะรับรู้เรื่องของเขาอยู่บ้างส่วนใหญ่หนักไปในเรื่องไม่ค่อยจะดี ทั้งนิสัยและการกระทำ แต่ผมไม่คิดแบบนั้น คนทั่วไปส่วนมากก็พูดในเรื่องที่ตัวเองอยากให้เป็นเท่านั้นแหละ แล้วก็เลือกเชื่อในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าเป็นเหมือนกัน ดูไปก่อน ไม่นานหรอก ผมจะได้รู้ ถ้าแม่เขาไม่พาตัวกลับไปซะก่อน
 

ป๊อก ๆๆๆ “เข้ามาช่วยทำความสะอาดหน่อย!” ผมใช้ไม้เคาะโต๊ะเรียกให้เขาหยุดความสง่างามไว้ช่วยคราว แล้วยื่นไม้กวาดอีกอันให้ไป ผมค่อยๆทำให้ดูว่าต้องทำแบบไหน เขาทำตามผมเก้ๆกังๆ ตะคอกใส่ผมบ้าง เหวี่ยงฝุ่นใส่บ้าง หนักสุดเหมือนจะเข้ามาบีบคอผม -_-; แต่สุดท้ายห้องก็ออกมาสะอาดเรียบร้อย เฮ้อ เหนื่อย!! ไม่ใช่เหนื่อยกับการทำความสะอาดห้องหรอกครับ เหนื่อยกับหมอนี่มากกว่า
 

“หิวแล้ว หิว หิว หิว” พูดออกมาเสร็จก็ไปนั่งชันเขาอยู่บนโซฟา “ออกไปกินข้าวกันเถอะ”

“เวลานี้ร้านอาหารปิดหมดแล้ว ดื่มนมในตู้เย็นแล้วรอเช้านะ”

“เอ้อ -_-;” เขาหงุดหงิดใส่ผมอีกครั้ง เดินตรงไปส่วนครัว พอได้นมมาแก้วหนึ่ง ก็เดินมามองหน้าผมอย่างเอาเป็นเอาตาย

“-_-; อะไร”

“นายอยู่คนเดียวเหรอ”

ผมพยักหน้า

“ครอบครัวนายล่ะ”

“ออกมาใช้ชีวิตคนเดียวนานแล้ว”

“หนีออกจากบ้านเหรอ” ไม่ใช่นาย -_-;

“ป่าว ที่บ้านยินยอม”

“เล่นกีตาร์เก่งนะ” หือ? ชมเหรอ

“ขอบใจ ซ้อมไว้ไปเล่นในร้านอาหาร ต้องทำงานพาร์ทไทม์”

“ทำเพื่ออะไร” คือคำถามนี้ต้องการอะไรจากคนตอบ

“หาเงินสิครับ ผมเป็นเด็กมหาลัยที่ออกมาใช้ชีวิตคนเดียว แล้วนายล่ะ ทำไมถึงหนีออกจากบ้าน”

“ป่าว แค่มาเที่ยวเกาหลีซักระยะ อยากหาอะไรใหม่ๆให้ชีวิต”

“อ่อ” -_-;

“พาชั้นไปสมัครทำงานพาร์ทไทม์กับนายด้วยคนสิ”

“ห๊า!! O_O;;” 




















 

 

 

bottom of page