top of page

 

 กฎข้อที่ 4 มวล

 

            “กล้าดียังไง ทำกับชั้นแบบนี้ปาร์ค ชานยอล!” ตั้งแต่กลับจากข้างนอก ผมก็ได้ยินแต่คำนี้เป็นสิบๆรอบ -_-;
 

            เขาขอให้ผมเล่นกีตาร์ให้ฟัง ผมเลยขอให้เขาเล่นเปียโนก่อน อยู่ๆหมอนี่ก็ใช้เงินหว่านไปกับเปียโนหรูหลังใหญ่ราคาอลังการงานสร้าง ทั้งที่เล่นไม่เป็น! ผมโมโหอยากจะขายมันทิ้ง หรือไม่ก็ไล่หมอนี่ไปอยู่ที่อื่น แต่สุดท้ายผมก็ต้องยอม จากเหตุผลที่ว่าผมเป็นคนเดียวที่ช่วยเขาได้ตอนนี้ เขาขอร้องผมและอยู่ๆก็หมัดมือชกเรียกผมว่า ‘เพื่อนรัก’ ตามแบบคำเกาหลีไว้เรียกเพื่อนสนิท  
 

ห้องที่ผมเช่าอยู่ไม่ได้กว้างมากแต่ก็ยังดูโล่งสบายตาไม่อึดอัด ผมจัดทุกอย่างให้ลงตัว นั่นมันก่อนที่เขาจะจัดไอ้เปียโนหลังนี้เข้ามา เมื่อหาทางออกไม่ได้ เขาก็ตั้งไว้ที่มุมตรงข้ามของกีตาร์ผม -_-\\;
 

“ชานยอลเพื่อนรัก” -_-\\; “นายเห็นไหมนี่อะไร ฮ่าๆ โน้ตเพลงอยู่ในมือชั้นแล้ว จะลงมือเล่นให้นายฟังล่ะนะ” เขานั่งอยู่หน้าเปียโนวางมือเตรียมพร้อม เอาล่ะครับทุกคนทำตามผม อุดหูด่วน!
 

/ติ่ง ….ตี้งงงงง งงงง ตึ๊งงงงง ตึ่ง!  ...ตึ่งๆ   ติ่งๆๆๆๆๆๆ ติ๊ง\\\ /// \\\\ ติ่ง!

ทนไม่ไหวแล้วครับ พอกันที TT;
 

คางผมเกยไว้ไหล่เขา คร่อมตัวเองกดตัวเขาให้ก้มต่ำลง วางมือทาบประครองนิ้วมือเขาทุกนิ้ว ทั้งสองมือ ค่อยๆกดนิ้วนตัวเองเล่นนำตามโน้ตเพลงที่เขาจะเล่น
 

/Sa i ta  no no hana … yo / “ไล่จากโน้ตแรกแบบนี้นะ เท้าเหยียบตามจังหวะห้องเพลง”

/ aa do u ka oshiete o ku …re / “เล่นสิ” แนบแก้ม กระซิบข้างใบหู

/ hi to ha naze kizutsukeat …te/ … / ara so u no de …shou     “ตรงนี้ต้องกดนิ้วที่เสียงต่ำก่อน” นิ้วผมค่อยๆนำไปเรื่อยๆ

/ ame ga sugite na tsu… ha “หยาดแห่งฝนหยดลงที่ตรงใจกลาง” คลอเสียง

/ ao wo u tsu shi…ta “นภาเปลี่ยนแปลงและดูหม่นๆ ค่อยรั้งกันเอาไว้อยู่ตรงนี้”

/ hitotsu ni nat…te/ “ตึ่ง!!!” ผมหยุดเล่น เขาชักนิ้วมือออกลุกขึ้นยืน

“พอแล้ว!!! เดี๋ยวชั้นจะหัดเอง”
 

อะไรของเขา ปกติผมไม่เคยคิดจะสอนใครเลยนะ น่าโมโหเขาจริงๆ เอาเถอะ ถ้าคนเรียนไม่พร้อม ผมก็ปล่อยเขาไปดีกว่า ผมมองดูใบหน้าของเขา มันแดงทั้งหน้าจนถึงใบหู โกรธอะไรผมอีกแน่เลย -_-;
 

“ขอตัวนะ จะเตรียมตัวออกไปทำงานแล้ว” ผมบายหน้าตายเดินเลี่ยงออกมาก่อนที่เขาจะแสดงอำนาจอีก แต่ครั้งนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแหะ เขายังยืนนิ่ง

 

หลังจากเตรียมตัวเสร็จผมก็เดินออกมาข้างนอกห้อง เพื่อเก็บกีตาร์ใส่กระเป๋า เขาที่เดินออกมาจากห้องเหมือนกัน อยู่ๆก็ก้าวมาหยุดตรงหน้าผม
 

“ไปด้วยสิ”

“ถ้านายอยากไปเที่ยว ค่อยตามไปดึกกว่านี้ได้ไหม ชั้นต้องไปเตรียมตัวก่อน นะ”

“ป่าว อยากไปด้วย ตกลงตามนี้นะ”
 

เขาบอกผมเสร็จก็เดินออกไปรอข้างนอก เขาดูนิ่งผิดปกติจนผมไม่กล้าปฏิเสธออกไป นิ่งสะจนใบหน้าของใครอีกคนแทรกเข้ามาในหัวสมองผม

 



 

“ชานยอลนายมาเร็วกว่าปกตินะ” ดงซู รุ่นพี่ในวงของผมเองทักขึ้น ผมยิ้มร่าเริง พวกเขาเป็นเหมือนเพื่อนรักของผมอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าคบ

“พี่ๆใครยืนอยู่หน้าประตูร้านอ่ะ โคตรหล่อเลย” เจซ วิ่งมาถามผม ผมมองตามไปหน้าร้าน -_-\\;

“เดี๋ยวมานะ”

 

 

ผมเดินออกมาหาเขาที่ยืนเหมือนพนักงานต้องรับอยู่หน้าร้าน “ทำไมไม่เข้าไปล่ะ”

“อยากอยู่ตรงนี้จะทำไม” -_-;

“เข้าไปข้างในกันเถอะนะ นะนะ” ใช้ไม้แข็งไม่ได้เด็ดขาด

“…” ยังเชิดหน้าอยู่ เอาล่ะไม้ตายสุดท้าย

“งั้นชั้นยืนตรงนี้เป็นเพื่อนนายก็ได้” ผมมองหน้าเพื่อจะสบตาเขา ขยับไปยืนข้างๆเอนหัวเกยไหล่เขาไว้ “ฟังเพลงกันนะ” ผมถอดหูฟังออกข้างหนึ่งเสียบเข้าที่หูเขา เปิดเพลงที่เขาบอกกับผมว่า เขาชอบ ผมแอบมองหน้าเขาแวบนึ่ง เขาเบนสายตาไปทางอื่น -_-\\;

ยังเชิดใส่ผมอยู่ เด็กดื้อเอ้ย มือผมสอดมือเข้านิ้วเขารวบมันมาไว้ในกระเป๋ากางเกงผม เขาหันหน้ามาทางผมทันที ผมหันไปอีกทางเหมือนไม่สนใจ หึหึ

“เข้าไปข้างในกัน”

เยส!

 

 

 


 

บรรยากาศภายในร้าน

ร้านนี้เจ้าของเป็นรุ่นพี่ผมเอง เรารู้จักกันมานาน เขาวานให้ผมมาเล่นให้ ผมมาเพราะผมสนุกที่ได้เล่นไม่ได้เรียกร้องค่าจ้างอะไร แต่เขาก็ให้ตามมารยาท บรรยายกาศในร้านสวยหรูตามสไตล์คนมีเงินเหลือเฟือยอยากทำกิจการสร้างสีสันให้ชีวิต ลูกค้าที่เข้ามาจึงเป็นสังคมชั้นสูง ไม่งั้นกระเป๋าฉีกออกไปแน่ๆ -_-\\;
 

อีกไม่กี่นาทีร้านก็จะเปิดแล้ว วงของผมขึ้นซาวด์เช็ค เตรียมความพร้อมก่อนขึ้นเล่น เขายืนพิงผนังมองดูผมไม่คุยกับใคร ผมยิ้มให้เป็นระยะ ไม่อยากให้เขาเบื่อเกินไป ก็บอกแล้วให้มาตอนร้านเปิด ตอนนี้ก็มีแค่พวกผมเท่านั้น
 

“ใครอ่ะ แฟนเหรอพี่” เจซมากระทบไหล่ผมถามเบาๆ

“เพื่อนพี่เอง”

“ว้าว หล่อมากพี่ รวยด้วยนะดูเสื้อผ้ารอยเท้าเขาสิ สุดยอด พี่คบคนรวยด้วยเหรอเนี่ย”

“จำเป็นน่ะ” ผมยิ้มให้เจซ แต่ใจผมรู้สึกผิด

“ผมไม่ค่อยเข้าใจโลกของคนรวยว่ะพี่ ฮ่าๆๆๆ”

“ทำหน้าที่ของนายดีๆ เป็นน้องที่น่ารักของพี่ก็พอ” โป๊ก …ผมเอาไม้กองเคาะหัวหมอนี่เบาๆ

“ทำร้ายเหรอๆ นี่! ผมเอาคืนนะ ฮ่าๆๆๆ” หมอนี่พุ่งมากอดตัวผมยกขึ้น ฮ่าๆๆๆๆ เราวิ่งเล่นไล่กันลงจากเวที

“เห้ มาให้เตะเดี๋ยวนี้นะ!” ผมชี้นิ้วไปที่เจซ ตะโกนข้ามโต๊ะ

“หยุดเล่นได้แล้ว ทั้งคู่”บอสใหญ่ของร้านรุ่นพี่ดงวุคดุใส่เรา แต่เราทั้งคู่ก็ยิ้มร่าเริง กลัวที่ไหน ฮ่าๆๆๆ ^^;

 

 

 

ร้านเปิดแล้ว

เอ …หมอนั่นยังนั่งเงียบ ผมไปอยู่กับเขาดีกว่า ดูแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด เอาไงดี

“เบื่อเหรอ”

“ป่าว”

“โกรธอะไร”

“ป่าว”
 

            หมอนี่นิสัยเหมือนเด็กขี้งอนเลย เพราะการเลี้ยงดูสินะ ผมต้องทำอะไรขัดใจเขาแน่ๆ เอาน่าง้อหน่อยล่ะกัน ผมนั่งท้าวคางจ้องหน้าเขาด้วยสายตาอ้อนอยากให้ใจอ่อน ถ้าเขาไม่หายโกรธผม ก็จะจ้องมันอยู่อย่างนี้แหละ เขาหลบผมไม่ได้อีกแล้ว
 

            “จ้องทำไม”

            “ดีกันนะ”

            “เรื่องอะไรไม่ได้โกรธนิ”

            “แล้วเป็นอะไร ไม่พูดออกมาจะรู้ไหม”

            “อยากรู้จริงๆ”

            “ใช่”

“เวลาอยู่ใกล้นาย หัวใจมันเต้นแรงกว่าปกติ มันจุกแน่นอยู่ตรงนี้ ทำให้หายได้ไหม”
 

            ผมกลืนน้ำลายลงคอเอือกใหญ่ ให้ผมทำยังไงดีล่ะคราวนี้ ผมไม่รู้ นี่เขากำลังจะบอกอะไรผมเหรอ ขอโง่ชั่วคราวได้ไหม อย่าเด็ดขาดนะเว้ย
 

            “นายมีแฟนหรือยัง”

            “ยัง”

            ผมบอกออกไปตามตรง

            “แต่ชั้นมีแล้ว”
 

            เฮ้อ …ค่อยยังชั่ว ผมโล่งอกขึ้นมาทันทีเลย มีแฟนแล้วงั้นก็ชอบผมไม่ได้แล้วสิ เย้
 

            “ก็ดีแล้วนะ น่าอิจฉานายเหมือนกันนะเนี่ย!” ผมตบไหล่เขาหยอกเย้า ฮ่าๆๆ แฟนหมอนี่คงน่ารักมากแน่ๆเลย

            “เออ” O_o; ผมหูฝาดไหม เขาพูดใช้ภาษาธรรมดากับผมแล้ว

            “นายนี่มันยอดเยี่ยมจริงๆ ฮ่าๆๆๆ” ผมยิ้มกว้าง ยกนิ้วโป้งให้

            ท่าทางขึงขังของอีกฝ่ายทำให้ผมหยุดความร่าเริงพักไว้ก่อน -_-;

           
 

            “พี่ครับ ถึงเวลาแล้ว”

            “อ่า โอเค”

            “เดี๋ยวมานะ”

           

            วงของผมขึ้นเล่นตรงตามตารางเวลาทุกครั้ง เราจะมาเล่นสัปดาห์ละสองวันเท่านั้น สมาชิกวงทั้งหมดมี ผมเล่นกีตาร์
 

            เจซ น้องเล็กของวงผมเล่นกลอง เจ้าของรอยยิ้มสวยบวกกับใบหน้าหล่อเหลา อย่างที่คนมองแล้วเทใจให้เพราะความน่ารัก ใสซื่อและนิสัยขี้อ้อนเหมือนเด็ก ความขี้เล่นของเขาทำให้วงของเราไม่ขาดเสียงหัวเราะเลย แววตาซุกซนผมสีน้ำตาลอ่อนเหมือนกาแฟลาเต้ ให้ความรู้สึกอบอุ่นได้เมื่ออยู่ใกล้เขา รูปร่างสูงห่างลงมาจากผมไม่มาก คะแนนนิยมฝั่งพี่สาวจึงเทใจไปให้เขามากกว่าทุกคน
 

            ดงซู พี่ใหญ่ของวงเล่นเบส ดวงตาสีดำ เรียวหน้าหล่อคมเข้มเซตผมเรียบเท่สไตล์ Men were บุคลิกมีความเป็นผู้ใหญ่ ใจเย็น คอยดุพวกผมเมื่อเล่นซนกันจนลืมซ้อม เขาพูดน้อย แต่ยิ้มเก่ง คะแนนพี่สาววัยทำงานจึงตกไปอยู่กับเขา
 

            จินซอง เพื่อนของผมเล่นคีย์บอร์ด/เปียโน รอยยิ้มสวยบวกใบหน้าหล่อ ตาคมกริบเมื่อเหล่มองทุกอย่างด้วยหางตา คิ้วหนาแต่ไม่เข้ม ผมสีเทา รูปร่างผอมบาง ก็พอกันกับผม แต่เราดูแตกต่างกันจากการแต่งตัว เขาดูเซ็กซี่ แบบที่ผมไม่มี ผมยังสูงกว่าเขานิดหน่อย สาวที่ชอบความมีเสน่ห์แบบลึกลับ น่าค้นหา จะถูกดึงดูดไปที่เขา
 

            คนสุดท้าย ดงวุค บอสเราเอง ร้องนำ คนนี้จะบรรยายยังไงดีล่ะ เขาไม่เหมือนใคร เนี๊ยบตั้งแต่ตัวจรดเท้า ใบหน้าหล่อเหลาที่เราไม่ค่อยกล้าเข้าไปใกล้ เพราะรับรู้อารมณ์ของเขาได้ยาก ตัวสูงกว่าผมเยอะ รูปร่างผอมแต่ก็มีกล้ามเป็นแผงน่าหลงใหล เขาเป็นที่หมายปองของแขกที่มาในร้านล่ะครับ  เขาไม่เคยคบกับใคร ตั้งแต่ผมรู้จักกับเขา เขาครองสถานะโสดมาตลอด -_-;
 

            ลูกค้าในร้านตอนนี้คงพร้อมที่จะฟังพวกเราแล้ว โต๊ะที่ถูกจองไว้แน่นร้านเสมอ เราเองก็พร้อมเหมือนกัน บอสส่งสัญญาณให้เรา …3 2 1

 






 

            ///

            “อีริค ไปเที่ยวกันไหม”

            “บอส เอ่อ…คุณเควิน จะออกไปเที่ยวที่ไหนเหรอครับ”

            “เควินก็พอ ใช่ไปดื่มกัน แถวนี้ก็ได้ ไม่ไกล”

            “ครับ”

            “ตอบ อืม”

            “อืม”
 

            ค่ำคืนนี้ดูหดหู่เงียบเหงาจนเกินไปสำหรับผม วิวทิวทัศน์ด้านนอกไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาเลย ใบหน้าของคนบางคนยังวนไปวนมาตั้งแต่วันนั้น อาจจะเป็นเพราะสัมพันธ์พิเศษทางสายเลือดที่ผมมีกับน้องชาย ทำให้ผมรู้สึกแบบที่เขารู้สึกในบางครั้ง พอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาผมก็นอนไม่หลับเสมอ ทุกครั้งที่ผมนึกถึงใบหน้านั้นก็แปลว่าน้องผมกำลังมีความสุขอย่างล้นเหลือกับร่างกายของใบหน้าหวาน คืนนี้ผมต้องหาทางออก
 

            ผับกึ่งร้านอาหารที่ผมเลือกคนคึกคักตั้งแต่หน้าร้าน เมื่อเข้ามาด้านใน ผู้หญิงเกือบทุกคนในร้านยืนออกันอยู่ด้านหน้าเวทีที่มีการแสดงสด ผมเลือกที่นั่งมุมร้านชั้นบนสามารถมองเห็นวงประจำร้านนี้เล่นได้ชัดเจนไม่ต่างจากข้างล่าง
 

            O_o; ผมลุกขึ้นยืน สายตาผมหยุดที่มือกีตาร์ของวงนี้ เขา คนที่ฝากใบหน้าไว้ในสมองผม คนที่ทำให้ผมอยากออกมาที่นี่ ความบังเอิญมีอยู่จริงเหรอ …

 

…ผมไม่สามารถมองคุณได้แม้กระทั่งยามที่ผมลืมตาอยู่
ผมไม่สามารถหาหัวใจของคุณซึ่งดูเลือนลางท่ามกลางความทรงจำที่จืดจาง
ผมไม่สามารถทำมากกว่านี้แล้วเพราะผมเหนื่อยล้าและร้องไห้มากเกินไป

 

            ดนตรีช้าๆเข้ากับเสียงนักร้องนำ …ผมยังมองเขาที่เล่นกีตาร์
 


ไม่ว่าผมจะคิดสักเท่าไหร่ ผมคิดว่าผมคงไม่เป็นไรตอนที่ผมได้เจอคุณ

ผมอยากจะปกป้องคุณ กระทั่งนิสัยแย่ๆ ของคุณก็ทำให้ผมยิ้มได้ยามที่ผมเหนื่อย
แม้ว่ามันจะยาก ผมจะบอกว่าผมรักคุณจนกว่าคุณจะมาอยู่ในอ้อมแขนของผม

 

            เขามองขึ้นมาข้างบนยิ้มกว้างให้กับทุกสายตา …แต่เขาไม่เห็นผม

 

ผมไม่สามารถยิ้มได้ ผมจำไม่ได้แม้กระทั่งตอนที่ผมยิ้ม…
วันนี้รู้สึกเหมือนว่ามันจะเลือนหายไปดั่งฝันเมื่อผมลืมตาตื่น
แม้กระทั่งตอนที่ผมเจอคุณ ผมรู้สึกราวกับว่าคุณไม่ได้อยู่ตรงนี้กับผม
ผมเดาว่าผมคงยังขัดเขินที่จะแสดงความรู้สึกของผม…ว่ารักคุณ

 

            มองมาตรงนี้ทีสิ …

 

ผมอยากจะปกป้องคุณ กระทั่งนิสัยแย่ๆ ของคุณก็ทำให้ผมยิ้มได้ยามที่ผมเหนื่อย
แม้ว่ามันจะยาก ผมจะบอกว่าผมรักคุณจนกว่าคุณจะมาอยู่ในอ้อมแขนของผม

 

คุณจะมีความสุขไหม เมื่อคุณจากผมไปเพื่อหาความอบอุ่นแห่งอื่น
ถึงอย่างนั้น ผมปล่อยคุณไปไม่ได้ ที่รัก
มันจะเจ็บปวดมากกว่าความตายเสียอีก


 

ผมรักคุณ… มากกว่าใครๆ… ไม่ ผมอยู่ข้างคุณ
ผมกำลังจับมือคุณไว้
ผมไม่สามารถปล่อยให้คุณไปอยู่ในอ้อมแขนใคร… หัวใจผมปล่อยคุณไปไม่ได้… ทำไมกัน…

 

 

            เพลงจบลงแล้ว …

            ผมมองตามร่างเพรียวบางที่เดินลงจากเวที

            “อีริคเดี๋ยวชั้นมานะ”



 

            เขาเดินมาหยุดที่หน้าเคาน์เตอร์ บาร์ ผมทิ้งระยะห่าง

            “น้ำเปล่าขวดหนึ่ง อ่า…สนุกจังเลย”

            “นี่ครับ พี่เจ๋งมากๆเลย หล่อสุดๆครับ สาวๆมองพี่เคลิ้มเชียว ยอดเยี่มไปเลย”

            “ฮ่าๆๆๆ ขอบใจนะ”
 

            ร่างตรงหน้าผมยกขวดน้ำขึ้นกระดกมันรินเข้าปาก ผมหยุดตัวเองไม่ได้อีกแล้ว …
 

            ร่างกายผมซ้อนทับเข้ากับอีกร่างตรงหน้าจากด้านหลัง มือหนึ่งรวบแก้มใบหน้าหวานเงยค้างไว้ อีกมือกดทับนิ้วเรียวที่จับขวดมั่นยกสูงขึ้นให้น้ำไหลลงมาจากขวดเป็นสายยาวไหลลงมาที่ปากเราสองคน สายตาเขามองมาที่ผมแล้วรั้งมือจะขยับออก ผมบังคับมือนั้นไว้แน่น น้ำยังไหลออกมาเรื่อยๆให้ผมไล่เลียจากปากหวาน เราสบตากันด้วยอุณหภูมิที่ร้อนผ่าวรอบตัว หัวใจผมเต้นแรงผ่านอกที่แนบติดกับแผ่นหลังบาง เวลาผ่านไปเร็วไม่ต่างจากลมพัด เมื่อน้ำแห้งหายไปจากขวด ผมปล่อยให้อีกคนเป็นอิสระ

            “นาย”

            “จำได้ทันทีเลยเหรอ”
 

            รอยยิ้มมุมปากของผมผุดขึ้นอย่างพอใจที่สุด เขาไม่ได้ลืมผม นิ้วมือผมจับมุมปากบางสวย ค่อยๆไล่นิ้วเช็ดหยดน้ำออกจากใบหน้าหวาน เขาไม่ได้มีท่าทีเอียงอาย หรือปัดป้องมือผมออกเพื่อบอกว่าไม่พอใจ เขายืนนิ่งมองผม
 

เขาจะดูออกไหมจากสายตาของผม สิ่งที่ผมกำลังบอกเขา ผมชอบสายตานี้เหลือเกิน …

 

 

 

 

 

///

ผมเดินออกไปข้างนอกร้านช่วงที่วงเขาเล่นคอนเสิร์ต ไม่อยากฟังเพลงที่เขาไม่ได้ร้อง ไม่อยากเห็นหน้าเขาตอนนี้ อารมณ์ผมหลากหลายไปหมดจนผมเองก็เดาตัวเองไม่ออก เอาเป็นว่าผมไม่เคยเป็นแบบนี้ -_-;
 

พอผมเข้ามาในร้าน คอนเสิร์ตก็จบลงไปแล้ว ผมมองหาเขาเพื่อบอกว่าผมขอตัวกลับก่อน …แต่ไม่จำเป็นอีกแล้ว ภาพตรงหน้าคือเขาที่เล่นฉากเลิฟซีนดื่มน้ำอย่างเร่าร้อนกับผู้ชายซักคน ซึ่งจากด้านหลังผมไม่เห็นหน้า เขาโอบรอบตัวคนของผมไว้ในแผงอก ความสูงหมอนั่นไม่ต่างจากผมมันเลยเป็นเรื่องง่ายที่จะทำแบบนั้น
 

อารมณ์ผมตอนนี้อยากเดินเข้าไปกระชากสองคนตรงหน้าออกจากกัน ให้พ้นๆ ความรู้สึกเดือนดานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแล่นผ่านไปทั่วร่างกาย ผมกำหมัดไว้แน่น ยังไงสะวันนี้ผมต้องมีเรื่องกับหมอนั่นแน่ ผมไม่มีทางปล่อยให้เขามายุ่งกับของๆผมแน่นอน!
 

“พี่ครับ ใจเย็นๆ” มือใครคนหนึ่งจับมือผมไว้ ไอ้หมอนี่ใครฟ่ะ! มันกล้า…ผมหันไปมองหน้ามันทันที เพื่อนของชานยอล? ผมยังนิ่งอยู่ ถ้าเหตุผลมันไม่พอผมจะเอาขวดเหล้าฟาดหัวมันก่อน
 

“ถ้าพี่ไปทำอะไรแขกคนนั้น พี่ชานยอลจะเดือดร้อน ออกไปกับผมเถอะครับ ให้เขาจัดการเอง” ผมกัดฟันไว้แน่น กะไอ้แค่ผับเล็กๆแค่นี้ผมเปิดให้เขาเองก็ได้ ไม่สนเว้ย

“ถ้าพี่ไม่แคร์ความรู้สึกแฟนพี่ก็เอาเด่”
 

ขาผมก้าวไม่ออก…ไม่ก็ได้ว่ะ ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรอยู่แล้วนี่ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าพอ
 

“กลับล่ะ ฝากบอกด้วย”




 








 

 

 

 

 

 

bottom of page