top of page

กฎข้อที่ 14 ระยะทาง

 

            1 ปีที่ผ่านมา ผมใช้ชีวิตคนเดียวมาโดนตลอด การตัดสินใจกลับบ้านหลังจากสภาพจิตใจแหกเหลว มันไม่ใช่ทางเลือกของผม ผมบอกแล้วว่ายังไงสะผมก็ต้องรักษาจิตใจตัวเองให้หายดี ดังนั้นที่ๆผมจะไปก็ต้องเป็นโรงพยาบาลอยู่แล้ว ผมเลือกเข้าพบจิตแพทย์ ตอนแรกไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ แต่ผมต้องหายดีให้เร็วที่สุด
 

            ช่วงแรกการรักษาเป็นไปได้ยากมาก เพราะผมเร่งรัดการรักษาให้หายมากเกินไป ผมต้องการลืมเขาให้เร็วที่สุด แต่ยิ่งอยากลืมมันกับกายเป็นความทรงจำที่ชัดเจนมากขึ้น คุณหมอคิม แพทย์ประจำตัวผม ให้ผมตัดสินใจให้ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเขารู้สึกได้ว่าคนที่ทำให้ผมเจ็บ ลึกๆแล้วผมก็รักเขามากเหมือนกัน เขายื่นทางออกให้ผมสองทาง ให้คิดถึงเรื่องดีๆของเขาเพื่อที่จะลืมเรื่องแย่ๆเพื่อที่เจอหน้าเขาได้อีกครั้ง หรือจำแต่เรื่องแย่ๆแล้วเกียดคนๆนี้ไปเลยวันข้างหน้าผมอาจจะจำชื่อของอี๋ฟานไม่ได้อีก แต่วิธีการที่สองอาจจะต้องใช้ยาเข้าช่วย การรักษาแค่สามเดือนเท่านั้น

 

            ผมกลับมาตัดสินใจอยู่นานมาก เกือบสองเดือนที่ผมไม่ได้กลับไปรพ.อีกเลย ผมไม่อยากตัดสินมันด้วยอารมณ์ ระหว่างนั้นผมก็พยายามทำทั้งสองเรื่องที่หมอคิมแนะนำ เดือนแรกผมทรมานเหมือนคนบ้าจมอยู่กับความเจ็บปวดเมื่อนึกถึงแต่สิ่งที่เขาทำ เพื่อผมจะได้เกียดเขาไปเลย แต่ผลมันยิ่งตรงข้ามผมจำเขาได้ดีขึ้นกว่าตอนที่เราอยู่ด้วยกันซะอีก เดือนต่อมาผมใช้อีกวิธี ผมไม่เคยนึกถึงเรื่องที่เขาทำร้ายผมเลย ตรงกันข้ามผมนึกถึงตอนที่เรารอทานข้าวด้วยกัน อ่านหนังสือด้วยกัน ทำงานด้วยกัน หยอกล้อ กอดและจูบกัน เดือนนี้ผมอยู่กับความสุขที่ผ่านมาจริงๆ ผมเริ่มรู้ใจตัวเองชัดเจนขึ้น จากเดือนนี้ ผมเป็นเหมือนที่หมอคิมบอก ลึกๆแล้วผมก็รักเขามาก เป็นความผูกพันจากการใช้ชีวิตที่ผมไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้น ผมจำวันที่ตะโกนบอกเขาว่ารักออกไปได้ แต่จริงๆวันนั้นผมโกรธถึงพูดออกไป ผมก็รู้ตัววันนั้นเหมือนกัน

 

            พอผ่านเดือนนี้มา ผมกลับไปหาหมอคิมอีกครั้ง ผมเลือกการรักษาแบบแรก โดยไม่ต้องอาศัยการใช้ยาใดๆทั้งสิ้น แต่ผมต้องเข้ารับการบำบัดเป็นเวลานาน เพราะความกลัวของผมมันเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อผมคิดถึงเรื่องเซ็ก ผมไม่ได้กลัวคนอื่นเลย ผมกลัวแค่เขาที่ผมรักเท่านั้น กลัวการทำร้ายที่ผมไม่ได้ตั้งตัวอีกมันทำให้เกิดการฝังใจลึกๆ ผมเองต้องถอนมันออกมาด้วยตัวเองสุดท้ายการรักษาก็ยืดยาวมาจนถึงหนึ่งปี จนถึงวันนี้ผมหายดี เรื่องราววันนั้นไม่มีผลต่อผมอีกแล้ว
 

            วันนี้เป็นบททดสอบสุดท้ายที่ผมจะเข้ารับการรักษา
 

            “พร้อมหรือยังครับ”

            “ครับ” ผมยิ้มให้หมอ

            “หลับตาแล้วคิดถึงภาพจำลองเหตุการณ์ครับ นึกถึงวันนั้นวันที่เกิดเรื่องขึ้น”
 

            ผมทำตามที่หมอบอก ในหัวผมย้อนกลับไปวันที่ผมถูกมัดอีกครั้ง สภาพร่างกายที่ชัดขึ้นเรื่อยๆ และเขาเริ่มทำทกอย่างกับร่างกายผม แต่ครั้งนี้ทุกอย่างต่างไปจากเดิม สายตาที่ผมไม่เคยเห็นวันนั้น การกระทำวันนั้นของเขาต้องการคำตอบบางอย่างจากผมซึ่งตอนนี้ผมรู้แล้ว เขาเองก็เจ็บปวดสินะ ผมก็ผิดเรื่องนี้ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เสียงของหมอก็ดังขึ้น
 

            “คุณให้อภัยเขาได้ไหมครับ”

            “น่าจะได้ครับ”

            “ยังรักเขาอยู่ไหมครับ”

            “ครับ ผมยังรู้สึกแบบนั้น”

            “เมื่อเจอหน้าเขาคุณจะทำอย่างไรต่อไปครับ”

            “ผมไม่รู้ครับ ผมคิดว่าเราจบกันไปแล้ว ต่อให้ผมเจอเขาอยู่กับใครตอนนี้ ผมไม่เจ็บปวดกับมันอีกแล้ว ตอนนี้ผมสามารถอยู่กับตัวเองได้แล้ว เหมือนก่อนที่ผมเจอหน้าเขา ก่อนเรารู้จักกัน” ความรู้สึกผมตอบตามความจริงทุกคำ
 

            “ลืมตาขึ้นมาได้แล้วครับ”
 

            ผมลุกขึ้นมานั่งรอผลของการทดสอบ ซึ่งผมก็รู้ดีแล้วว่าผมหายดีแล้ว
 

            “ผ่านการทดสอบแล้วครับ หายดีแล้วนะ” หมอลูบหัวผมอย่างเอ็นดู เขาก็เหมือนพี่ชายของผมไปแล้วตอนนี้

            “ขอบคุณครับ”

            “ชานยอล พี่ไม่อยากให้เราปิดตัวเองนะ รู้ไหม เจอคนดีๆก็คบกับเขา ให้โอกาสคนอื่นๆนะ”

            “ผมจะลองดูครับ แต่ผมรักจะใช้ชีวิตคนเดียวเหมือนแต่ก่อนมากกว่า”

            “เขาคนนั้นจะกลับมาไหม”

            “แล้วแต่เรื่องของอนาคตเถอะครับ แล้วแต่โชคชะตา ตอนนี้ความสุขกลับมาหาผมก็พอแล้ว”

            “พี่ดีใจมากนะที่นายทำสำเร็จ เก่งมากรู้ไหม”
 

            รอยยิ้มสดใสที่สุดออกจากใบหน้าของผม รอยยิ้มที่หายไปตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา

           

 


 

            ต่อจากนี้ผมเลือกที่จะกลับบ้านไปหาครอบครัวของผม เฮ้อ ใช้ชีวิตในรพ.มาสะนานเลย พวกเขาคงเป็นห่วงผมมาก เพราะผมตัดการสื่อสารตัวเองออกทุกอย่าง พ่อแม่พี่สาวของผมเขาจะดีใจมากไหมนะถ้าเห็นหน้าผมตอนนี้ รถเมล์ที่ผมไม่ได้ขึ้นมานาน ผมนั่งมันอย่างคุ้นเคยกัน บรรยากาศยังดีเหมือนเดิม อ่า…ผมรักชีวิตแบบนี้จัง ชีวิตแบบเดิมของผม

 

            ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง …ผมยืนรอหน้าบ้านซักพักแม่บ้านก็มาเปิดประตูให้ เธอมองหน้าผมเหมือนไม่รู้จักกัน แม่บ้านคนใหม่เหรอ ผมไม่มั่นใจว่าเราเคยเจอกันไหม แต่ถึงอย่างนั้นก็เหอะ หน้าผมเหมือนพ่อและแม่มากเลยนะ พี่สาวผมเองก็ไม่ต่างจากฝาแฝด ให้ผมเข้าไปในบ้านเถอะ สายตาผมอ้อนเธอ

 

            “มาหาใครคะ” เธอถามออกมาจนได้ -_-;

            “คุณแม่บ้านครับ ผมเป็นลูกชายคนเล็กของบ้านนี้ มองหน้าผมดีๆสิครับ”

            เธอจ้องหน้าผมอีกครั้ง
 

            แป๊ดดดดด! แป๊ดดดดดด! รถพอร์ชสปอตรสีแดงมาจอดหน้าบ้านพอดี ผมหันไปมองคนที่มาถึง เธอลงมาจากรถทันทีที่เห็นหน้าผม
 

            “ชานยอล! น้องพี่” พี่สาวแสนสวยคนเดียวของผมโดดเข้ามากอดผมทันที ผมกอดแธอแน่นเหมือนกัน ห้าปีเต็มที่ผมไม่กลับมาที่บ้านเลย

            “เข้าบ้านกันเถอะครับ”

           

 


 

            “พ่อคะ แม่คะ ทายสิใครมา” พี่สาวผมเรียกพวกท่านให้เดินมาหาผมตรงนี้ ผมยิ้มให้ทุกคน

            “อ่า…ชานยอลของเรา!” เราทุกคนกอดกันไว้แน่น ตอนนี้ผมกลับมาหาครอบครัวด้วยร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์แล้ว อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นที่ผมเลือกจะจากไปเอง เวลานี้ผมไม่คิดจะไปไหนอีกแล้ว

 









 

            ///

            “ท่านประธานครับ ผมขอเรียนให้ทราบเรื่องด่วนครับ”

            “ครับ พูดมาได้เลยผมฟังอยู่” ถึงตาและมือผมยังจดจ่ออยู่กับงานบนโต๊ะ

            “ครอบครัวปาร์ค จะมีการเปลี่ยนแปลงอำนาจทางการบริหารครับโดยให้ลูกชายคนเดียวของเขาเข้ารับตำแหน่ง” ผมหยุดฟังอย่างตั้งใจ ชานยอลงั้นเหรอ “และมีการเลี้ยงแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่ซึ่งเราได้รับเชิญในฐานะญาติสนิทครับ”
 

            ผมพูดไม่ออก เหมือนทุกอย่างมืดไปหมด ข่าวที่ผมเพิ่งรับรู้คือคนรักของผมกำลังจะแต่งงาน
 

            “ออกไปก่อนครับ” ผมบอกให้พ่อบ้านออกไป
 

            งานบนโต๊ะผมถูกพักไว้ทั้งหมด ตอนนี้ผมคือประธานอู๋ผู้ครองอำนาจการบริหารทั้งหมดอย่างสมบูรณ์ ด้านตรงข้ามเควินพี่ชายของผมก็ครองอำนาจด้านสัมปทานของธุรกิจเราไว้ทั้งหมด หนึ่งปีมาแล้วที่ผมไม่เคยได้ข่าวจากชานยอลเลย ไม่ว่าผมจะตามหาเขายังไงก็ตาม ตั้งแต่เขากลับไปอยู่กับครอบครัวของเขา จนวันนี้ เขากำลังจะแต่งงาน
 

            ขาผมเดินมาหยุดที่เก้าอี้บุนวมสีแดงตัวใหญ่ ประดับด้วยกีตาร์ที่พังยับเยินตั้งอยู่ เขาลืมผมไปแล้วอย่างนั้นเหรอ เขาคงเริ่มต้นใหม่ได้แล้วสินะ ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย เพื่อแก้ตัว ผมใช้เวลานานไปใช่ไหม เขาเคยสัญญากับผมไว้ว่าจะไม่เป็นของใครอีกไม่ใช่เหรอ
 

ทำไมล่ะ …ชานยอล
 

มือผมรวบสร้อยไม้กางเขนที่คอมาจูบแล้วอธิฐาน ขอเถอะครับ พระผู้เป็นเจ้า ตอนนี้ลูกเปลี่ยนไปแล้ว ถึงลูกจะเป็นคนดีได้แค่นี้ แต่ลูกก็พยายามทำถึงที่สุดแล้ว เพื่อคนที่ลูกรัก ช่วยพาเขากลับมาหาลูกที ลูกไม่ขออะไรอีกแล้ว ด้วยนานบุตรของพระเจ้า ผมกดจูบลงไปอีกครั้งเพื่อการระลึก

 

            เช้าวันต่อมาผมกลับมาเกาหลีทันที ตอนนี้เควินอยู่ข้างๆผมเมื่อเราทั้งคู่ได้ข่าว เราต่างก็ปล่อยเรื่องนี้ไปไม่ได้เหมือนกัน เควินตบไหล่ผมเพื่อให้กำลังใจเสมอ พี่ชายผมเป็นคนดีจนบางทีมันทำให้ผมดูเลวขัดจากบุคลิกไปเลย -_-;

 

            ผมเคยเจอครอบครัวของชานยอลแล้วหลังจากการยื่นขอทำสัญญาทางธุรกิจครั้งก่อน แต่ผมไม่เจอเขา พ่อตาผมเป็นประธานธนาคารกลางแห่งการลงทุนทางการเงินครอบคลุมไปครึ่งโลกใบนี้ ถ้าจะทำให้บ้านผมสั่นคลอนอำนาจทางการเงินได้ มีแค่ครอบครัวนี้เท่านั้น แต่เราสองบ้านผูกมิตรกันมานาน ปัญหาเรื่องนี้จึงไม่เกิดขึ้น (ถ้าเขาไม่รู้ว่าผมทำอะไรไว้กับลูกเขา #เมียผม)

 

            เควินบอกให้ผมใจเย็น มันต้องมีวิธียกเลิกการแต่งงานครั้งนี้โดยวิธีสันติ ผมก็ขอให้เป็นแบบนั้น เรื่องทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับชานยอลคนเดียว ถ้าเขายอมนะ ผมเดาว่าไม่!

 

            ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ผมยังรู้สึกเจ็บปวดกับสิ่งที่ผมทำลงไปอยู่เสมอ ชานยอลเป็นคนใจแข็งเขายังไม่น่าจะให้อภัยผมได้แน่ๆ แม้แต่โอกาสของผมก็ลิบลี่เป็นที  ถึงเป็นแบบนั้นผมก็ยังเชื่อในความรักของผม คงไม่มีใครที่ยอมรักคนแบบผมได้อีกแล้วนอกจากเขา ผมในแบบที่ไม่มีอะไรเลย ทำอะไรไม่เป็นเลย และช่วยเหลือผมทุกอย่างที่เขาทำได้ และยอมให้ผมนอนกอดทุกคืน ยิ่งคิดถึงเรื่องของเรา ผมยิ่งรับรู้ว่าเรารักกันมาก ถึงจะเป็นเวลาแค่สามเดือน แต่ตลอด 2,232 ชม. เราอยู่ด้วยกันตลอดเวลา มันมากพอที่ผมจะรักคนที่ใช่และรักใครซักคนจนถึงตอนนี้ และยังรักต่อไป

 

            “พี่ครับ ถ้าเขาจะแต่งจริงๆล่ะ”

            “พังงานแต่งแล้วพาหนีสะ”

            “-_-; เอางั้นเลยเหรอครั้งก่อนก็ข่มขืนไปแล้วนะ”

            “ล้อเล่นเว้ย เคียดอยู่คิดไม่ออก เจอหน้าชานยอลให้ได้ก่อนเถอะ”

            “ไปบ้านก็คงเจอเลยแหละครับ ทำไมเราจะไม่เจอล่ะ”

            “ป่าว คิดไว้ก่อนถ้าเขาไม่อยากเจอนาย”
 

            พี่ผมเหมือนคนมีความลับ มันรู้สึกได้ ผมมองไปจับผิดอีกครั้ง แต่ชั่งเหอะก็น่าจะอย่างที่พี่ผมบอก เขาจะยอมเจอผมไหม เอาเด่ กูพังงานแต่งแน่รอบนี้ ไม่ยอมให้เป็นของคนอื่นหรอก เป็นไงเป็นกัน ตายกันไปข้างล่ะว่ะ!

            










 

 

 

G Minor!

 

bottom of page