top of page

กฎข้อที่ 13 แรงต้านทาน

 


 

            ในฐานะที่ชั้นเป็นแม่ ไม่มีอะไรทรมานไปกว่าการได้เห็นลูกตัวเองเจ็บปวด และเจ็บปวดยิ่งกว่าเมื่อเห็นลูกตัวเองทำผิดลงไป ถึงมันจะเป็นเรื่องราวของเขาทั้งสองคน แต่อีกคนหนึ่งเลือกแล้ว ชานยอลที่ชั้นรู้จักมาตั้งแต่เด็กเขาเป็นเด็กสดใสร่าเริงและใจดี เขาเก่ง ฉลาด ชั้นถึงอยากให้อี๋ฟานมาอยู่กับเขา แต่ไม่คิดว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้
 

            สภาพของเด็กคนนั้นต่อหน้าชั้นวันนี้ มันไม่จำเป็นต้องถามเลยว่าเกิดอะไรขึ้น รอยเขียวช้ำทั้งตัว แขนเหมือนมีร่องรอยของเชือกรัดอย่างชัดเจน ข้อเท้าที่พันแผลไว้ หัวใจของชั้นกระตุกวาบด้วยความเจ็บปวด ถึงเขาไม่ใช่ลูกแท้ๆของชั้น แต่ก็ไม่ต่างอะไรกันเลย สิ่งที่ลูกผู้หญิงอย่างชั้นกลัวมากที่สุด แต่ลูกชายของชั้นใช้มันกับเขา ความเป็นแม่ของชั้นตอนนี้เหมือนกับว่าลูกทั้งสองคนทำร้ายกันอย่างไม่น่าให้อภัย แต่จะให้โทษใครได้ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว
 

            ถึงแม้ตอนนี้ชั้นอยากจะพูดคุยกับอี๋ฟานมากแค่ไหน เขาก็คงไม่พร้อมที่จะพูดอะไรกับใครทั้งนั้น เขาเงียบมาตลอด ชั้นตัดสินใจแล้วว่า เรื่องที่ปกปิดไว้ควรจะบอกเขา เพื่อให้เขาไม่มีเรื่องที่ค้างคาใจอีก โอกาสนี้เป็นโอกาสเดียวที่จะวัดความเข้มแข็งของเขา และชั้นก็จะอยู่กับเขาเอง ถึงเวลาที่เราควรเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์เสียที
 

            ชั้นหันไปมองอี๋ฟานตลอดเวลา แต่เขาไม่มีท่าทีจะหันกลับมาเลย ลูกชายของชั้นเขามองไปนอกกระจกแล้วกอดสิ่งที่เด็กคนนั้นฝากไว้ให้แน่น เราทั้งหมดไม่ได้จะกลับไปที่โรงแรมอีกแล้ว แต่เป็นฮ่องกง บ้านของเราที่นั่นเหมาะที่สุดแล้วสำหรับเขาตอนนี้ เควินจะตามเราไปที่นั่นทีหลัง แต่ก็ไม่น่าจะเกิดสัปดาห์นี้
 

            “อี๋ฟาน ไปเถอะลูก” ชั้นจับมือลูกชานไว้แน่น เครื่องบินส่วนตัวของเราเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เขายังเงียบอยู่ และตลอดการเดินทางเขาคงไม่พูดเลย ชั้นคิดว่าคงเป็นแบบนั้น ตั้งแต่ขึ้นเครื่อง อาหารที่เตรียมมาให้เขาก็ไม่กินเข้าไป น้ำดื่มที่เขายกขึ้นไปดื่มบ้างแต่ตลอดการเดินทางของเราก็ไม่ถึงหนึ่งแก้ว จนเรามาถึงฮ่องกงก็พบค่ำพอดี
 

            “นายหญิง นายน้อย ขอต้อนรับครับ” พ่อบ้านของเราเตรียมทุกอย่างไว้ให้ลูกชายชั้นแล้ว เขาเดินเข้าห้องแล้วเก็บตัวเงียบ ไม่มีใครกล้าเข้าไปคุยกับเขาทั้งนั้น แต่ความเป็นแม่ทำให้ชั้นปล่อยเขาไว้ไม่ได้

            ไฟในห้องไม่ได้เปิดให้สว่าง เขานั่งอยู่ปลายเตียงก้มหน้าและเขาน่าจะกำลังร้องไห้ บอกทีคนเป็นแม่แบบชั้นควรทำยังไงตอนนี้ เพื่อลูกของชั้น
 

            “ลูกแม่” เขาเงยหน้าขึ้นมามองชั้น

            “แม่ครับ”

            “เจ็บมากไหมลูก”

            “ไม่ครับ ไม่เท่าคนที่ผมรักหรอก ผม…ผิดไปแล้วครับ ผมดีได้แค่นี้ แต่ผมก็ดีใจที่เขารักผมนะ”น้ำตาเป็นสายไหลออกมาจากดวงตาผ่านใบหน้าลูกของชั้น

            “อดทนไว้นะลูกแม่ แล้วจะผ่านมันไปได้”

            “ครับ ครับแม่ ผมจะอดทน อดทนจนกว่าผมจะได้เมียตัวเองคืนมา ผมไม่ยอมแพ้หรอก ผมจะดีกว่านี้ ดีให้เขายอมรับผม และรักผมได้อีกครั้ง”
 

            ชั้นไม่เคยคิดว่าคำพูดเหล่านี้จะออกมาจากลูกชายของชั้น เขาคงเจอรักแท้แล้วจริงๆ แต่เด็กคนนั้นล่ะ ถึงเขาจะรักลูกชายของชั้นเหมือนกัน ก็ใช่ว่าเขาจะยอมกลับมาอีกแล้ว

            อดทนไว้นะลูกแม่…
 

            “อี๋ฟาน ฟังแม่อีกเรื่องได้ไหม”

            “ครับ พูดมาสิครับ”

            “ก่อนอื่นแม่ขอโทษลูกนะ สำหรับเรื่องนี้” ชั้นต้องกลั้นน้ำตา แล้วกุมมือเขาไว้ “ลูกมีพี่ชายฝาแฝดอีกคนนะ ลูกรับได้ไหม”
 

            เขาเงยหน้ามองชั้นด้วยแววตาที่ไม่บ่งบอกว่าอารมณ์ไหน พักใหญ่เขาถึงพูดออกมา
 

            “ชานยอลรู้เรื่องนี้แล้วใช่ไหมครับ”
 

หัวใจชั้นเต้นไม่เป็นจังหวะ แต่ก็พยักหน้าขอเขาตามตรง ตอนนี้มือที่ชั้นกุมเขาไว้สั่นไปหมด
 

            “ไม่เป็นไรครับ งั้นผมรู้แล้ว ถ้าเขาอยากเจอผมก็ให้เขามาได้เลย”
 

            อี๋ฟานไม่มีความเป็นเด็กอีกต่อไปแล้ว ลูกชายที่ชั้นเลี้ยงมาด้วยสองมือชั้นเอง เปลี่ยนไปแล้ว ชั้นกอดเขาไว้แน่น แต่เขาค่อยๆคลายอ้อมกอดชั้นออก
 

            “แม่ครับ ผมขออยู่คนเดียวนะครับ ออกไปก่อน”
 

            เพียงแค่คำนั้น ชั้นก็ก้าวเดินออกมาจากห้อง เขาหันกลับไปกอดกระเป๋าใส่กีตาร์ที่พังแล้ว อยู่กับแสงที่เกือบจะมืดสนิทตามเดิม ชั้นก็ได้แค่ขอภวนาให้เขาผ่านมันไปได้โดยเร็ว

 

 

 

 

 

            ///
 

            ผมรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว เธอโทรมาจากฮ่องกงติดต่อให้ผมกลับไปที่นั่นทันที แต่ผมอยากไปเจอชานยอลก่อน ถึงเขาจะไม่อยากเจอผมก็ตาม ผมจะไม่ถามหาว่าใครเป็นต้นเหตุหรือการทำผิดพลาดอะไรทั้งนั้น ผมชอบชานยอลมากก็จริง แต่เมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้ว เขาก็ไม่ต่างจากน้องของผมไปแล้วตอนนี้ ความรู้สึกของผมมันควรจบไปสะ
 

            แต่พอผมมาที่ห้องพักของเขา ไม่ถึงสามวันเขาย้ายของออกทั้งหมด สัญญาเช่าถูกคืนมาแล้ว ผมให้อีริคสืบถึงที่อยู่บ้านของเขา ผมถือโอกาสไปเยี่ยมครอบครัวที่เหมือนเป็นคู่อำนาจทางการเงินของครอบครัวผมอย่างเป็นทางการซักที แต่ชานยอลก็ไม่ได้อยู่ที่บ้านเหมือนกัน เขาบอกว่าชานยอลออกไปใช้ชีวิตคนเดียวได้หลายปีแล้ว คำถามคือเขาหายไปไหน
 

            ความรู้สึกผมกังวลไปหมด สภาพจิตใจของเขาเป็นยังไง แล้วเขาคิดจะทำอะไร ถึงลึกๆผมจะเชื่อว่าเขาไม่ใช้อารมณ์ตัดสินปัญหาแน่นอน แต่ผมก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี ผมควรตามหาเขาให้เจอก่อนที่อี๋ฟานจะรู้เรื่องนี้ มันจะยุ่งไปกันใหญ่ น้องผมคงไม่ใจเย็นเหมือนผมแน่ๆ ชานยอลอาจจะลำบากกับเรื่องนี้ขึ้นมาอีก สถานะตอนนี้ของอี๋ฟานเปลี่ยนไปแล้ว ถึงชานยอลจะรับมันไม่ได้แต่ผมรู้ว่าลึกๆเขาจะโกหกตัวเองไม่ได้เหมือนกัน
 

            อีริคกับผมสืบหาทุกที่ที่คิดว่าเขาจะไป อยู่เกือบหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่ผมจะกลับฮ่องกงไปหาครอบครัวตามที่สัญญาไว้กับเธอ แต่ก็ไม่เจอ ทั้งร้านกาแฟ ผับ และมหาวิทยาลัย เขาหายไปจริงๆ บางทีผมก็อยากเข้าไปกระทืบน้องชายตัวเองเหมือนกัน ถึงปากผมจะบอกทำใจได้ แต่ผมก็โมโหมันมากที่สุด ผมผิดเองที่สั่งสอนมันให้ดีกว่านี้ไม่ได้ ผมไม่เคยได้อยู่กับมัน เรื่องนี้เราทุกคนต่างก็ผิด ผมรู้สึกเหมือนความเคียดเกาะกุมตัวเอง สติในการทำงานเริ่มหายไป แต่งานของผมอันตราย ผมต้องวางทุกเรื่องเพื่องานก่อน
 

            วันนี้แล้วที่ผมต้องเดินทางไปหาน้องชาย ก่อนค่ำวันนี้เราจะเจอกัน มันจะเป็นยังไงนะ ผมน่าจะรู้สึกตื่นเต้นสิ ผมรอมาทั้งชีวิต แต่ผมอยากกระทืบมันมากกว่า

 

            เมื่อเข้ามาในบ้าน พ่อบ้านของเราตอนรับผมอย่างดี แล้วเดินนำผมไปหาแม่และน้อง อีริคอยู่ข้างกายผมเสมอ นอกจากครอบครัวแล้วผมก็มีแค่เขาเท่านั้น
 

            “ขอโทษครับ ผมมาแล้ว” เธอกับน้องของผมนั่งรอผมอยู่แล้ว ผมไม่ได้มองไปที่เธอแต่มองไปที่น้องทันที แรกเห็นทำให้ผมใจหาย สภาพของมันตอนนี้ไม่ต่างจากซากศพเดินได้เลย ผมบอกเรื่องชานยอลให้รู้ไม่ได้เด็ดขาด
 

            “อี๋ฟาน นี่พี่ของลูกนะ”

            “เห็นแล้วครับ ผมมีคนที่หล่อเหมือนกันจริงๆด้วยสินะ”
 

หมอนั่นพูดจาแปลกๆแล้วลุกขึ้นมายืนตรงหน้าผม
 

“ขอโทษนะ ถึงเขาอาจจะชอบนายอยู่บ้าง แต่โทษทีว่ะ นั่นเมียกู!”
 

พลั๊ว! …ตุ๊บ ตุ๊บ พลั๊ว! ส้นตีนผมยันไปที่มันเต็มแรงจนมันล้มลงไป ผมคร่อมมันไว้แล้วอัดหมัดใส่ไม่ยั้ง จนหน้ามันแตกยับ แต่ผมไม่คิดจะหยุด แรงกระทืบมันเริ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เสียงเธอตะโกนห้ามแล้วให้คนพยายามมาจับผมแยกออก
 

“ถุ่ย! …” ผมไม่เคยคิดว่าจะได้ทักทายกับน้องชายตัวเองแบบนี้ เรื่องนี้ของถนัดอยู่แล้ว ผมปาดมือเช็ดขอบปากแล้วอยากโดดไปกระทืบมันอีกรอบ “ไอ้เหี้ย!”

            “อย่าเควิน! แม่ขอ นะลูกนะ”
 

            ผมหยุดการกระทำตามที่เธอบอก เธอเข้าไปประครองมันขึ้นมา มันแสยะยิ้มยั่วตีนผมอยู่ดี ผมพยายามใจเย็นไว้
 

            “เหอะ…” มันแลบลิ้นเลียขอบปากยั่วโมโหผม “รู้อะไรไหม ชานยอลไม่เคยรักนายเลย เหอะๆ โคตรสะใจเลยว่ะ บอกมาสิว่าไม่รู้ว่าเราอยู่กินด้วยกันมาตลอด แล้วนายคิดจะแย่งไปเอง บอกมาสิ”
 

นั่นสิครับ ผมผิดเอง ผมเข้าใจแล้วว่าเขาทำแบบนี้ทำไม ผมก็เลวไม่ต่างจากมันจริงๆ ผมน่าจะดูออกว่ายอลรักใคร ถึงยอลจะไม่รู้ตัวก็ชั่ง แต่เขาเลือกจะกลับไปหาน้องผมก่อนเสมอ ไม่ว่าจะอยู่กับผมตอนไหนสุดท้ายตัวเขาเองก็จะกลับไป
 

“พี่ผิดเอง ขอโทษ...”
 

“…” เขาเงียบและมองมาที่ผมด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป “ปล่อยกูเว้ย! ปล่อย” เขาสะบัดตัวออกจากพ่อบ้านที่พยุงเขาอยู่ เดินตรงมาหาผม ผมมองเขานิ่งๆ เอาสิ สาดเข้ามาซักหมัด ผมโอเค มาเลย
 

“พี่ครับ ผมโคตรเจ็บเลยว่ะ” เขาพูดออกมาแล้วเข้ามากอดผมไว้แน่น ผมขบกามแน่นลูบหัวน้องชายตัวเองเบาๆแล้วตบไหล่เขาไว้
 

“พี่ก็เหมือนกัน” ผมบอกออกไปตามตรง

“ก่อนมาได้ไปหาเขาไหม”

“ไป”

“เขาเป็นไงบ้าง”

“กลับไปอยู่กับครอบครัวแล้ว” ผมโกหก

“ดีแล้วล่ะ …”

“อืม เหมือนเราไง” เรามองหน้ากันตรงๆครั้งแรก เราหน้าเหมือนกันทุกส่วนต่างกันก็แค่สีผมเท่านั้น ผมยิ้มให้น้องชายตัวเอง แล้วเช็ดเลือดออกจากหน้าให้ เขาก็ฝืนยิ้มให้ผมเหมือนกัน
 

“มาสิครับแม่ มากอดผมหน่อย” น้องชายผมดึงเธอเข้ามากอดไว้ ผมวางมือบนไหล่เธอแค่นั้น

“พี่ครับ แม่ครับ ผมพร้อมแล้วนะที่จะสานต่อธุรกิจของเรา!”
















 

 

 

G Minor!

bottom of page