top of page

10 ปีต่อมา
 

ผมในวัยใกล้เลข 4 นั่งอ่านหนังสือเล่มเก่าของผม ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนสงบ

            “หยุดเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นกูฆ่ามึงแน่!!”

            ฟิ้ว …ไม้เบสบอลลอยข้ามหัวผมไป ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครเหวี่ยงมัน -_-; ผมลุกขึ้นไปเก็บมัน เด็กชายอายุ 7 ขวบผมสีบลอน์ตาสีน้ำตาลอ่อน รูปร่างผอมวิ่งอ้อมมาอยู่ด้านหลังกอดขาผมไว้แน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา เสื้อผ้าและผมติดหมากฝรั่ง ตามตัวมีรอยเขียวช้ำ ผมกุมขมับบีบมันด้วยความเคียด
 

            “ยอล!” ทันทีที่ผมเรียกเด็กชายผมและดวงตาสีดำเข้มกลมโต ตัวเล็กกว่าเดินเข้ามา สายตาผมดุด้วยความโกรธ พี่ชายที่โตกว่าถึง 3 ปีร้องไห้สะอึกสะอื้น แต่แววตาของเด็กคนนั้นไม่ได้แสดงอาการกลัวหรือรู้สึกผิดเลย จ้องหน้าผมกลับมาตรงๆแบบเดียวกับคนรักของผมเคยทำ

            “พ่อครับ ฮือ…น้องต่อยผม ฮึก ๆ น้องแปะหมากฝรั่งติดหัวผมกับโต๊ะครับ พ่อครับ ฮึกๆ” เจ้าพี่ชายชี้ไปที่น้องชายด้วยความกลัว ปากฟ้องผมในสิ่งที่เด็กตัวเล็กกว่าทำ

            “ยอล เกิดอะไรขึ้นทำอะไรพี่คริส” ผมถามเด็กตัวเล็กกว่าออกไป

            “พี่คริสมากวนผมตอนทำการบ้าน ดึงตัวผมลงจากเก้าอี้” ข้อศอกที่แตกเลือดไหลออกมาดูร้ายแรงกว่ารอยฟกช้ำของพี่ชายเขา ผมจับมาแขนมาดูด้วยความเป็นห่วง “ผมขอให้เขาออกไปแต่เขาไม่ ผมเลยเริ่มชก อย่างที่พ่อเห็นผมไม่มีข้อแก้ตัว” ผมอุ้มเด็กตัวเล็กขึ้นแล้วเดินไปทำแผลให้ก่อน ทำไมเหมือนกันจังเลยน้า

           

เสร็จแล้วผมก็เดินออกมานั่งคุยกับเด็กชายคนพี่ที่แอบมองอยู่หน้าประตู ผมกอดไหล่ไอ้ตัวเล็กไว้

            “ไม่รักน้องเหรอลูก”

            “รักครับ ผมรักน้อง พ่อครับผมรักยอลมาก อึก อึก แต่เขาไม่สนใจผมเลย อึก ผมไม่ได้ตั้งใจให้เขาเจ็บนะ ผมขอโทษ” คนพี่ก้มหน้าร้องไห้ ที่เขาวิ่งมาฟ้องผมไม่ใช่เพราะเขาโดนน้องแกล้งตัวเอง แต่อยากให้ผมทำแผลให้น้องมากกว่า ไม่งั้นคนน้องก็จะเงียบไว้

            “ไปขอโทษน้องนะ”

            “น้องจะเกียดผมไหมครับ ถ้าน้องเกียดผม ล่ะ อึกๆ”

            “พ่อมีความลับจะบอก ตั้งใจฟังนะ น้องคงเขาตั้งใจทำงานบ้านเพื่อจะมาเล่นกับคริสนะลูก รู้ไหม?” ผมลูบหัวเจ้าพี่ชาย

            “พ่อรู้ได้ไงครับ” เพราะความเหมือน

            “เพราะน้องรักคริสมากไง คริสเป็นพี่ชายคนเดียวของเขานะ ไปลูกไปคุยกับน้อง”

            “ครับพ่อ”

 

 

            เขาทั้งสองคนเป็นลูกชายของผมเองครับ ผมไม่ได้แต่งงานใหม่  -_-; แต่เราทั้งคู่อุปการะเด็กมาเลี้ยง

สามปีแรกในวันที่ผมกับชานยอลไปโบสถ์กับแม่ เด็กวัยขวบเศษถูกนำมาให้ทางโบสถ์อุปการะเพิ่ม ผมได้เห็นใบหน้าเด็กนั้นใกล้ๆ ภรรยาผมบอกว่าเขาหน้าเหมือนผมไม่มีผิด เรายืนมองเด็กนั้นอยู่ซักพัก ก่อนคุณอธิการจะนำตัวเขาเข้าไป เด็กจับแขนเสื้อของผมไว้แน่น นั่นเป็นจุดเริ่มต้น ฐานะใหม่ของเราทั้งคู่ ฐานะพ่อและแม่

 

            สองปีต่อมาในวันเดียวกัน ภรรยาผมกลับไปเยี่ยมบ้านที่เกาหลี เด็กน้อยอีกคนถูกทิ้งไว้บนรถของเขา เราปรึกษากันแล้วอุปการะเพิ่ม จากนั้นครอบครัวของเราก็มีสมาชิกเพิ่มขึ้น แม่ผมได้เลี้ยงหลานอย่างที่ท่านอยากทำมานาน ผมสงสัยว่าถ้าแม่อยากมีหลานทำไมไม่ให้ผมแต่งงานกับผู้หญิงสะ ‘บางทีสายเลือดก็ไม่จำเป็นเท่ากับคุณค่าของความเป็นมนุษย์หรอกลูก’ คำตอบนั้นทำให้ผมมีเปลี่ยนมุมมองอะไรหลายอย่าง ชานยอลเองดูจะเข้าใจเรื่องพวกนี้มากกว่าผมอยู่แล้ว ครอบครัวของเขาก็รักลูกๆเรา
 

            คริสจูเนียร์ และยอล มาจากชื่อของเราทั้งคู่ เพื่อบ่งบอกเมื่อเขาโตขึ้นว่าเขาเป็นลูกของเรา ภรรยาผมเป็นคนคิดชื่อนี้
 

อ่า…ผมคิดถึงเมีย T^T; เมียและแม่ผมไปเกาหลีเพื่อเช็ความเรียบร้อยสาขาที่นั่น แม่ผมไปเยี่ยมเพื่อน เมียผมไปเยี่ยมบ้าน ผมต้องอยู่นี่เลี้ยงลูก อีกสองวันพวกเขาถึงกลับมา -_-; ผมติดภรรยาหนักกว่าเดิม
 

ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ตลอดเวลา 10 ปีที่อยู่ด้วยกันมา เขายังเหมือนเดิมทุกอย่าง มีความเป็นตัวของตัวเองสูง พูดอะไรตรงๆ ทำงาน ทำอาหาร ดูแลผม ดูแลลูก และทุกครั้งที่ชวนผมไปผับก็ยังทำตัวเหมือนเดิม T[]T;

 

            “โอ๊ย ! …คิดถึงโว้ย แน่จริงมึงกลับมาดิว่ะ!!”

 

 

 

 

 








 

            “ฮัด …ชิ่ว !!!” -_-; .

 

 

ส่งท้าย

bottom of page