top of page

 

 

            ทั้งวันที่ผมนั่งดีไซน์งานเสื้อผ้าคอเลกชั่นใหม่ที่จะออกวางขาย ผมเป็นเจ้าของแบรนด์เองธุรกิจเล็กๆที่มีร้านแม่อยู่ที่แคนาดาและสาขาอยู่ที่จีน คิดไม่ออก ทำไงดี ฟู่...ผมพ่นลมออกจากปากนั่งเซ็งจับจิต เมียไปทำงานอีกแล้ว -_-; ถ้าผมอยากย้ายไปอยู่แคนาดาเขาคงไม่ยอมไปแน่ๆ ผมคงต้องตั้งรกรากห้องเสื้อที่เกาหลีแทนไหม แค่คิดก็ปวดหัวกับคำตอบที่รออยู่ เฮ้อ...

ค่ำวันนี้เรามีนัดทานข้าวกับครอบครัวของเรา หลังแต่งงานเป็นการเยี่ยมเยือนตามทำเนียมเกาหลี ชานยอลบอกให้ผมเอากระเช้ากับของขวัญเตรียมไว้ใส่รถให้ด้วย เขาเอารถไว้ให้ผมและนั่งแท็กซี่ออกไปทำงานแทน เผื่อว่าผมอยากออกไปไหน นิยามคำว่าสุภาพบุรุษนี่ยกให้เมียผมเลย  ผมทำตามที่เขาสั่งไว้ให้เรียบร้อย ถึงผมไม่ทำชานยอลของผมก็กลับมาทำมันอยู่ดี

 

ใกล้เวลาที่เรานัดกันไว้แล้ว

 เศษขยะเกลื่อนอยู่เต็มพื้นห้องที่ผมขยำมันทิ้งแล้วโยนไปทั่ว ผงดินสอบนโต๊ะ เปลือกเหลาดินสอที่พื้นห้อง สายวัดโยนพาดบนเก้าอีกโยก ไม้บรรทัดตกลงล่างพื้น พรมเปลื้อนสีฝุ่นเลอะเทอะ -_-;

“กลับมาแล้วคร๊าบบบ...” นั่นไงทำไงดีล่ะทีนี้ เก็บสิว่ะ เก็บๆ

“พี่ครับ อยู่ไหน? ห้องทำงานเหรอ”

“เอ่อ เอ้อ ...พี่อยู่นี่” -_-;

ชานยอลเดินเข้ามาในห้องที่ผมอยู่ วางกระเป๋าไว้ที่โต๊ะเล็กหน้าโซฟา แขวนสูทเรียบร้อย คุกเข่าลงที่พื้นห้องข้างๆผมกำลังเก็บเศษกระดาษ ทำความสะอาดอยู่

“ผมช่วยนะ”

“ไม่ต้องหรอกมาเหนื่อยๆ พี่เก็บเองก็ได้ ไปอาบน้ำเถอะเดี๋ยวไม่ทันเวลานัดนะ”

“แม่โทรมาบอกว่าพ่อติดธุระ แม่พี่กับแม่ผมจะเป็นฝ่ายมาหาเราเองครับ รออยู่ที่นี่”

“เห้ ... เอางั้นเลยเหรอ”

“อื้ม”

“ต้องเตรียมอะไรไหม อาหาร เครื่องดื่ม”

 

ชานยอลส่ายหัว  เขาลุกขึ้นก่อนจะดึงแขนให้ผมลุกขึ้นยืนตาม เขาดันตัวผมถอยหลังแล้วกดไหล่กระแทกก้นลงที่โต๊ะทำงาน เอิ่ม... -_-;   แค่นั้นยังไม่พอมือเขาจับหน้าผมเชยคางขึ้น ผมมองหน้าเขา ใจผมเต้นแรง ไม่ใช่เพราะผมรู้สึกเขินหน้าแดงหรือความรู้สึกสั่นไหว แต่เมียผมจะทำอะไร ผมดูเหมือนภรรยาที่รอสามีอยู่บ้านยังไม่พอ วันนี้ภรรยาผมยังแสดงกิริยาแปลกเหมือนจะรุกล้ำผมอีก T.T;

ฟู่...ผมที่ปกหน้าผมอยู่ถูกเป่าด้วยลมปากของภรรยาผมเอง เขาก้มลงมาจนปากเกือบติดหน้าผากผมแล้ว ไอลมหายใจอุ่นๆอยู่ไม่ไกลปลายจมูกผมไล่ลงมา จนสายตาเราอยู่ในระดับเดียวกันพอดี เขายกมือขึ้นเกลี่ยผมของผมออกจากใบหน้าปัดข้างๆกดปลายนิ้วลง เหมือนมีกิ๊ฟล่องหนติดผมของผมอยู่ หน้าผากผมเปิดไม่มีอะไรมาปกปิดอีกแล้ว

 

“เอ่อ...ชานยอล”

“หืม?”

“…” พูดไม่ออกครับ ไม่กล้าถามว่าเขาจะทำอะไร ความกล้าไม่มีตอนนี้ ผมได้แค่สบตากลับไป

“หายป่วยหรือยังครับ”

“เอ่อ …ก็ดีขึ้นบ้างแล้ว”

ความจริงผมหายแล้วครับ ปกติดีทุกอย่าง ผมเร่งที่จะหายรอที่จะเข้าหอกับภรรยาตัวเอง แต่ … ตอนนี้ผมลังเลที่จะตอบตามความจริง ผมไม่มีประสบการณ์จากการโดนจู่โจมมาก่อน ผมมักเป็นฝ่ายเริ่มเกมส์เองกับทุกคนที่ผมคบมาก่อนแต่งงาน เขาทำให้ผมเสียความมั่นใจ

 

ตั้งแต่แรกเจอจนถึงตอนนี้ ทั้งรูปร่าง นิสัย อารมณ์ที่แสดงออก ต่างจากคนอื่นแบบที่ผมไม่เจอมาก่อนเลย กับคนอื่นผมดูน่าสนใจ เพราะใบหน้าความสูงของผม สามารถช่วยเรื่องพวกนี้ได้ แต่กับเมียตัวเอง หน้าตาความหล่อเหลาช่วยอะไรไม่ได้เลย การพูดคุยของเราบางครั้งชานยอลไม่มองหน้าผมด้วยซ้ำ -_-; ไม่ว่าจะงัดแฟชั่นมาประกอบ ท่าทางนิ่งขรึมหรือร่าเริง เขาก็มองว่ามันเป็นเรื่องปกติรอบตัว ความพิเศษหรือที่เรียกว่าเสน่ห์ดึงดูดหายไป

 

“ออกแบบเก่งนะครับ วันแรกที่ผมเจอพี่ ผมอึ้งไปเหมือนกัน แฟชั่นที่ดึงดูดคนทั้งสนามบิน ฮ่าๆๆ เซนส์ด้านแฟชั่นเราต่างกันมากๆ ผมไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้เลย ซื้อมาใส่เท่าที่ผมชอบ” มือเขาหยิบกระดาษที่ผมทิ้งขึ้นมาดู ลายเส้นร่างไว้ลวกๆ ผมยิ้มในใจ กับคำชมของเขา

 

“ชานยอล พี่ยืมตัวนายมาเป็นหุ่นตัดเสื้อพี่ให้หน่อยได้ไหม”

“เอาสิครับ” คนตรงหน้าผมวาดอ้อมแขนกางออกขนานกับพื้น เบี้ยงคางเล็กๆใส่แล้วยักต้นคอให้ผมขยับเข้าไปใกล้ การกระทำบอกผมว่าเขารออยู่ ผมกลืนน้ำลานเอื๊อกใหญ่ลงคอ ผมจะวัดรอบตัวนะ ไม่ใช่ -_-;

“ถอดเสื้ออกสิ” หึหึ...

“จำเป็นเหรอ?”

ผมพยักหน้าให้ รอดูกิริยาตอบสนองของภรรยาตัวเอง อย่างที่ผมคิด เขาแกะกระดุมเชิตสีขาวตัวเองแล้วค่อยๆยกปกเสื้อถอดออกตามท่อนแขน แต่...เชิตขาวถูกโยนใส่ตัวผม แบบนี้เชิญชวนผมให้ทำอย่างอื่นหรือป่าว ?

ยิ่งขยับเข้าไปใกล้ เป็นผมเองที่หน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ แต่ผมมีความเป็นมืออาชีพมากพอจะไม่แตะต้องหรือทำอะไรไปมากกว่านายแบบ ถึงเป็นเมียตัวเองก็เถอะ ทนเอาไว้

ความจริงผมไม่จำเป็นต้องวัดขนาดอะไรจากตัวของชานยอลเลย ผมรู้ขนาดของเขาทั้งหมดจากการสัมผัสหลายครั้ง แรงกดนิ้วผมไล่ตามความยาวของสายวัดจากมุมหนึ่งของไหล่ไปอีกมุม

 

“ไหล่นายแคบกว่าไหล่พี่นะ ฮ่าๆ” ผมแซวออกไป

“ไม่ได้แปลว่าพี่จะแข็งแรงกว่า” -_-; อาจใช่

“รอบอกล่ะ” แขนผมโอบรอบตัวเขาเข้ามาเหมือนจะกอด แต่ยั้งไว้ตามองดูค่าตามสายวัด ผมเบนสายตาหนีเม็ดติ่งสวยกลางยอดอกที่ราดรัดทาบอยู่ทันที ฟู่ ... ใจเย็นๆไว้สิว่ะ อี๋ฟาน

“เล็กกว่าด้วยหรือป่าวครับ ฮ่าๆๆ” เขาแซวผมกลับน้ำเสียงร่าเริง เอ่อ...O_o; ขนาดเท่ากับของผมเป๊ะเลยครับ แต่รอบเอวก็ผมใหญ่กว่า รอบต้นขา เอ่อ...ผมคงไม่วัด เอาไว้คำนวณจากการสัมผัสเมื่อผมมีโอกาสดีกว่า

“เสร็จแล้ว”

“แค่นี้เองเหรอ”

“อืม”

หลังจากนี้มันจะไม่ใช่การวัดนะชานยอล พี่บอกเลย -_-;
 

ชานยอลถอดเสื้อแขนยาวคอกว้างผ้าแนบเนื้อออกมาจากหุ่น สวมเข้ากับตัวเขาค้างไว้แค่ส่วนคอ ปล่อยให้แขนเสื้อตกลงว่างเปล่า ผมเคยเห็นเขาทำแบบนี้ตอนที่ออกมาจากห้องน้ำหลังอาบน้ำเสร็จ น้ำเม็ดเล็กๆเกาะแผ่นอกไล่ลงเอวบาง ต่อหน้าผม ปลุกอารมณ์ตอนเช้าของผมลุกชันขึ้นทั้งตัว ตอนนี้ถึงไม่มีน้ำเกาะ มันก็ไม่ต่างกัน

“ออกไปอยู่ห้องรับแขกกันเถอะ เดี๋ยวผมเข้ามาทำความสะอาดห้องนี้ให้”

“เอ่อ... อืมๆ” ผมเบนหน้าไปทางอื่นทันที ก่อนที่เขาจะรู้ว่าผมเหม่อเพราะคิดอะไร

           

            ผมเดินตามหลังเขาออกมาเงียบๆ ตรงข้ามกับอารมณ์ตอนนี้ที่เริ่มพุ่งพ่านอีกแล้ว แผ่นหลังเปลือยเปล่ารับกับสะโพกมนยั่วยวนผมอยู่ตรงหน้า ผมออกอาการได้แค่ลูบต้นคอตัวเอง

            “ชานยอล ใส่เสื้อสะไม่หนาวเหรอ พี่รู้สึกเย็นๆ”

            “ไข้กลับมาอีกแล้วเหรอครับ ไหนดูสิ”
 

            ร่างตรงหน้าผมสวมแขนเสื้อไว้สองแขนลวกๆ แล้วขยับตัวเข้าหาผม รวดเร็วที่ผมจะจับภาพตรงหน้าได้ทัน เสื้อตัวนั้นลอยเข้ามาสวมที่หัว คล้องคอผมไว้ แรงดึงเสื้อส่งมาพร้อมกับแรงประกบปากจูบของเขา ร่างกายผมไร้แรงต่อต้านถูกผลักให้นั่งลงที่โซฟา เขาที่คร่อมขาสวมเข้าที่เอวผมจากด้านหน้า ผมนั่งอ้าขาเหยียบเท้าไว้ที่พื้นเพื่อรับน้ำหนักสะโพกที่กดลง โดยมีแขนผมประครองร่างไว้
 

            แรงจูบเร่งและแรงขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าผมถูกจับไว้ด้วยมือเขาทั้งสองมือบีบบังคับให้โยกหัวไปมาตามทิศทางประกบของปาก ลิ้นของเราทำหน้าที่ของมันอย่างคุ้นเคย การล่วงล้ำของเราหนักขึ้นเรื่อยๆ ลิ้นผมเริ่มชาแรงตวัดลิ้นดูดกลืนที่ตักตวงความหวานจากกันและกันกลายเป็นเขาที่ตักตวงผมอยู่
 

            ผมผละจูบออกเมื่อผมแพ้ เราสบตากันในเสื้อตัวเดียวคุมตัวเราทั้งคู่อยู่ ท่อนแขนผมโอบรัดเอวบางมาแนบชิด ลากปลายลิ้นลงจากลำคอ แล้วหยุดหยอกล้อที่เม็ดติ่งกลางยอดอก ‘อืม...’เขาออกเสียงในลำคอให้ผมรู้ว่าเขาพอใจกับมัน มือเขาขยุ่มหัวผมจากปลายนิ้วเบาๆ เราเบียดตัวเข้าหากัน เขานอนราบลงติดกับโซฟา ร่างผมคร่อมไว้ กดแรงจูบประกบเข้าที่ปากเขาอีกครั้งเรียกอารมณ์ที่พุ่งพ่านให้กระตุกขึ้น มือผมทำหน้าที่แทนปากที่ล่วงล้ำเม็ดติ่งที่บนยอดอกเค้นด้วยฝ่ามือบี้ด้วยปลายนิ้วสะกิดเล็บลงจิกไปตรงกลาง ร่างเจ้าของกระตุกงอตัวขึ้นรับสัมผัสมือที่บำเรอให้ รอยยิ้มมุมปากผุดขึ้น เมื่อปากเราแยกจากกัน ผมกลืนน้ำลายลงคออีกครั้งต่อหน้าเขา เขายิ้มให้ผม แล้วพยักหน้า การกระทำของเขาทำให้ผมรู้ว่า เขาพร้อมแล้ว

 

            แป๊ก ! เสียงสวิชไฟในบ้านเราดังขึ้น O_o;

            ตุ๊บ ! ตุ๊บๆ เสียงขอหล่นดังมาจากหน้าประตูห้อง ผมและชานยอลเด้งตัวขึ้นทันที หันมองตามที่มาของเสียง

            “แม่!”

            “แม่!”

            แม่เราทั้งคู่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง  –O-; พวกเธอดูตกใจในสภาพของเราทั้งคู่ ผมที่โอบรัดชานยอลไว้ เขาที่เปลือยเปล่าเสื้อถูกเปิดขึ้นมาคล้องไว้ที่คอผม คงไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรอีกแล้ว  ภรรยาผมเหมือนเรียกสติกลับมาได้ก่อน เขาดึงเสื้ออกจากหัวผมแล้วสวมตัวเองให้เรียบร้อย ยืนขึ้นก้มให้กับ แม่ของเรา ผมลุกขึ้นทำตาม แล้วยิ้มแหยๆให้แม่ของผม

           

 

 

            “แม่ครับ เอ่อ...”

            “ไม่น่าห่วงอย่างที่คิดแหะ น่ารักจังฟานฟานของแม่”

            ตอนนี้ผมกับชานยอลแยกกันอยู่กับแม่ตามลำพัง เขากับแม่บอกจะจัดอาหารมาให้ ผมกับแม่ช่วยกันจัดโต๊ะ ไม่ใช่หรอกครับ ผมเป็นคนจัดให้แม่ผมนั่งส่งสายตาแซว จับผิดผมอยู่

            “หมายความว่าไงครับ”

            “แม่อดเป็นห่วงเรื่องเข้าหอของลูกไม่ได้ แม่กลัวว่าลูกจะตบตาพวกแม่แล้วอยู่กันแบบเพื่อน เห็นแบบนี้ก็วางใจ ถนอมชานยอลบ้างล่ะ ! รู้ไหม?”

            “ครับ ผมจะดูแลอย่างดี ขอบคุณนะครับแม่”

            “รู้สึกยังไงบ้างลูก” น้ำเสียงนุ่มของแม่ถามผมด้วยความห่วงใย

            “ผมชอบเขาครับแม่ ชอบมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าเร็วไปไหม ไม่รู้ว่าเขาชอบผมบ้างหรือป่าว ผมกังวลมาก หัวใจของผมมันไม่นิ่งเหมือนแต่ก่อนแล้วครับ”

            แม่ดึงผมเข้าไปกอดไว้ มือแม่ลูบหัวผม ความรู้สึกสับสนของผมค่อยๆคลายตัวรับความอบอุ่นที่คุ้นเคย

            “ลูกยังไม่มีความเชื่อในตัวของชานยอลนะรู้ไหม เพราะเวลาของลูกยังสั้นเกินไป ถ้าลูกของแม่เลือกที่จะเชื่อแล้วกำหนดให้มันเชื่อไปตามนั้น ลูกจะมองเห็นสิ่งที่ลูกแม่ตามหาอยู่”

            “อะไรเหรอครับ”

            “ลองทำตามที่แม่บอก แม่อยู่ใกล้ๆลูกเสมอนะ”

 

 

 

            ห้องครัว

            “เลิกส่งสายตาแบบนั้นให้ผมได้แล้วครับแม่”

            “พี่สาวแกห่วงเรื่องเสียตัวของแกอยู่ แม่คิดไว้ไม่ผิดแกต้องจัดการสามีแกไปแล้ว คริคริ”

            “-_-; แม่! หยุดน้ำเสียงและแววตาแบบนั้นสะ ออกไปนั่งรอข้างนอกไปผมจัดอาหารเอง”
 

            “อย่ามาทำไล่แม่น่าตัวแสบ ดูแลลูกเขยแม่ดีๆล่ะอย่าให้ขาดตกไปซักคืนล่ะ” แม่ผมขยิบตาให้ เธอหน้าตาระรื่นมีความสุข ฟู่ ...ผมพ่นลมหายใจออกมา ไม่อยากใส่ใจกับการจินตนาการของแม่ตัวเอง อาหารจัดเสร็จแล้ว ผมใส่ถาดยกออกไปที่โต๊ะดีกว่า -_-;

           

                       

 

            20.01 โต๊ะอาหาร พร้อมหน้าเราสี่คน

            อาหารวันนี้เป็นฝีมือแม่ของผมทั้งหมด เธอทำอาหารเก่ง เป็นเรื่องเดียวที่ผมเหมือนแม่ เพราะผมเป็นลูกชายของบ้าน การเรียน ความเอาใจใส่จึงเข้มงวดมากกว่าพี่สาว ทำให้ผมมีนิสัยคิดมากกว่าพูดออกมาให้คนอื่นรับรู้
 

            “เป็นอย่างไรบ้างลูก ชานยอล อยู่กับพี่เขา”

            “มีความสุขดีครับ” ผมยิ้มบางๆให้แม่ของพี่คริส

            “แน่นอนสิชานยอล ลูกเขยแม่ออกจะน่ารักขนาดนี้ เขาคงดูแลลูกเป็นอย่างดี”

            “อ่ะ โอ๊ย ...” ผมมองไปที่พี่คริสทันที เหมือนเขาจะกัดลิ้นตัวเองจากคำพูดแม่ของผม

            “เจ็บมากไหม อ้าปาก!” ผมบีบคางให้เขาอ้าปากค้างไว้ มองหาแผลในช่องปากที่แตกเป็นรอยเลือดไหลออกมา

            “ไม่เจ็บมากหรอก หายแล้ว”

            “อยู่นิ่งๆ” เปียะ !... ผมตีมือที่เขาห้ามผม แล้วบีบคางไว้อีกครั้ง ผมอมน้ำแข็งเข้าปากตัวเองแล้วประกบเข้าที่ปากเขา ผมรู้ตำแหน่งของเลือดแล้ว จึงค่อยๆใช้ลิ้นดันก้อนน้ำแข็งจากปากผมกดแช่ไว้ที่แผล ซักพักผมถอนปากออก แล้วคายก้อนน้ำแข็งออกมาใส่มือ มองดูเลือดในปากที่หยุดไหลแล้ว

            “เรียบร้อย ทานต่อได้แล้ว ทานสิครับ” ผมพยักหน้าบอก

            “อ่อ อืมๆ” พี่คริสก้มหน้าก้มตากิน เงียบๆ ผมขำกับอาการเขินของเขา ^^;

            แม่ของเราทั้งสองคนก็ไม่กล้าสบตาผมเหมือนกัน เธอทั้งคู่หน้าแดง แล้วหันมองกันและกัน ผมไม่ได้ใส่ใจอะไรกับอาการของทุกคนมาก ผมเฉยๆเพราะมันเป็นเรื่องที่ผมควรจะทำ

 

 

            “พี่ไปส่งแม่เถอะ ผมเก็บโต๊ะล้างจานเอง”

            “ไปด้วยกันสิ”

            พี่คริสจูงมือผมออกมาข้างนอกเพื่อกล่าวขอบคุณแม่ของเราทั้งสองคน แม่ผมทุบหลังผมครั้งหนึ่ง เธอทำตัวไม่ถูกกับการกระทำของผม ผมอดขำให้แม่ตัวเองไม่ได้จริงๆ ผมมองไปทางพี่คริสที่กอดกับแม่อย่างอบอุ่น ผมและแม่สบตากัน เธอเชิดหน้าใส่ผมแล้วเดินไปที่รถ -_-; เป็นเรื่องปกติของบ้านเรา


 

            เราสองคนกลับเข้ามาในบ้านช่วยกันเก็บโต๊ะ ล้างจานให้เรียบร้อย ผมแพ็กอาหารที่แม่เอามาฝากเข้าตู้เย็น สวบ ! … “หืม?” แรงกอดรอบเอวจากด้านหลังของผม พี่คริสแนบหน้าให้แก้มเราชิดกัน “อะไรครับ อ้อนทำไม?”

            “ไปอาบน้ำด้วยกันไหม”

            “ไม่ครับ” ผมส่ายหัวรอดูปฏิกิริยาตอบสนอง

            “ต่อกันเถอะ” อย่างที่ผมคิดไว้จริงๆ หึหึ

            “วันต่อไปนะ ติดไว้ก่อน”

            “วันนี้ ! ตอนนี้”

            โอเคเล่นบทโหดก็ได้นะ ผมชอบ ผมหันหน้าไปหาวางมือไว้แนบอกของเขา รูดนิ้วเกลี่ยต่ำลงตามร่องอกไล่ลงหน้าท้อง สอดนิ้วเข้าสะกิดขอบกางเกงในอีกคนดีดออกเบาๆ เพียะ!...

            ผมเงยหน้าสบตากับร่างสูงที่มองต่ำลงมา ระดับสายตาเราทอดหากัน

            “เลือกว่าจะเป็นเมียผม หรือรอให้ผมเป็นเมีย”





 

 

คืนที่ 4

bottom of page