top of page

กฎข้อที่ 20 การคัดสรรค์
 

            ผมตื่นขึ้นมาก็แทบจะขยับตัวไม่ได้เลย แม่และเควินอยู่ข้างๆผม แสดงว่าวันนี้คงเป็นวันแต่งงานของพี่สาวชานยอลแล้ว เพราะแม่จะมาร่วมงานวันเดียวเท่านั้น แล้วทำไมผมนอนอยู่ที่นี่ เควินเอากระดาษโน๊ตที่เป็นตัวหนังสือของชานยอลมาให้ผม ผมนึกย้อนกลับไปผมจำได้ว่าถูกเขาตีเข้าที่กีตาร์ ถีบ ต่อยแล้วกระทืบเข้ามา ไม่รู้กี่ครั้งจนขยับตัวไม่ได้ แล้วทุกอย่างก็หายไป ผมมองหน้าเควินเพราะอยากรู้เหตุผล พี่ชายผมมันเอามือถือที่เป็นอีเมลต้นให้ผมอ่าน เขาบอกชานยอลฝากไว้ให้ เข้าใจเรื่องทันทีเลยครับ เมียผมคงโกรธมากแน่ๆ เอาเหอะผมสมควรโดนจริงๆ T^T;
 

            ผมขยับปากได้ปกติแต่เจ็บ ชานยอลอัดเข้ามาที่หน้าหล่อๆของผมหลายแผล ร่างกายแตกยับเหมือนโดนรุมกระทืบจากพวกนักเลง ผมไม่เคยเห็นมุมใช้กำลังของเขามาก่อน น่ากลัวที่สุด! บอกเลย เควินบอกว่าผมต้องนอนเดี้ยงอยู่นี่เกือบสองสัปดาห์และพักฟื้นที่บ้านอีกเดือนกว่า ไม่มีวี่แววว่าเมียจะมาเยี่ยมเลย แม่ผมมองผมแล้วส่ายหัวอย่างเอือมละอา บอกแค่ว่าให้ผมทนเอาไว้รักษาตัวให้หายเร็วๆ
 

-_-;

ป่านนี้งานแต่งงานก็คงจะเสร็จพิธีแล้ว ทำไมเมียผมยังไม่มาเยี่ยม เขาเป็นคนทำให้ผมเป็นแบบนี้นะ ไม่มาดูกันเลยก็เกินไปหน่อยไหม ผมอยากงอนนะ แต่ไม่มีสิทธิ์เวลานี้ ยังไงสะก็ต้องง้อเรื่องของเธอคนนั้นก่อน ไม่รู้เข้าใจผิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
 

            แกร่ก…ประตูเปิดออกอีกครั้ง 
 

            “สวัสดีครับคุณแม่  ไงครับพี่เควิน”

            “ทักทายครับคุณป้า พี่เควิน”
 

            เมียผมมาพร้อมกับลู่หานตามเคย ผมมองเขาหงอยๆส่งสารตาอ้อนวอนให้น่าสงสารที่สุด เขายิ้มให้ผมแล้ว แต่ผมลังเลความน่ากลัวของเขาอยู่ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะมีมุมนี้
 

            “เป็นยังไงบ้างครับพี่เควิน หมอบอกว่ายังไง”

            “ไม่เป็นอะไรมากหรอก เดือนกว่าๆก็เป็นปกติ”

            “โอเคครับ งั้นผมรับช่วยต่อเอง พี่ไปพักเถอะ ขอบคุณมากนะครับ”

            “ขอโทษนะครับคุณแม่ที่ทำลูกชายของคุณแม่แบบนี้”

            “ไม่เป็นอะไรหรอกลูก แม่ยกให้”

            “ขอบคุณครับ”
 

            บทสนทนาของทุกคนถามผมหรือยังครับ พวกเขาพูดยังกับว่าชีวิตผมเป็นของชานยอลไปแล้ว เขาจะทำอะไรก็ตามสบายเลย แต่ก็นะ ชั่งเถอะมันเป็นเรื่องจริง ผมยอมจะทำอะไรก็ทำ เมียผมมีเหตุผลก่อนทำอยู่แล้ว ผมยังบอกตัวเองเลยว่า มันสมควร!
 

            แม่และพี่ชายผมออกไปแล้ว ลุ่หานก็ออกไปพร้อมกัน หมอนั่นไม่ถามอะไรผมเลยฟังเงียบๆว่าผมไม่ตายก็โอเค แล้วยิ้มให้ผมด้วยความสะใจ เออยอดเยี่ยม ตอนนี้ก็อยู่กันสองคนกับเมียแล้ว เขายังไม่พูดอะไรกับผมเลย ผมง้อเขาตอนนี้มันจะดีขึ้นไหม
 

            “ชานยอล…”

            “อะไร นายต้องการอะไรเหรอ”

            “ไหนบอกจะเรียกพี่แล้วไง”

            “พี่ต้องการอะไรครับ -_-;”

            “ป่าว…หายโกรธพี่นะ ไม่มีอีกแล้ว”

            “อื้ม หายโกรธแล้ว ถ้ามีอีกเราเลิกกันนะ”

            ยอมตายเลยครับ ดีกว่าเสียเขาไปอีก “ครับผม”

           

            “เหนื่อยไหม งานแต่งพี่สาวนาย พี่ไม่ได้ไปช่วย”

            “ไม่ครับ ยืนยิ้มก้มหัว ไม่มีงานอะไรเลย พี่นอนอยู่นี่แหละดีแล้วล่ะ”

            “เรื่องเก่าที่พี่ปิดนาย …พี่ไม่ได้ตั้งใจปิดนะ”

            “บอกตามตรงว่าผมโกรธ ไม่ว่าจะปิดหรือไม่ปิด ผมเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่ก็โกรธ ถ้าผมต้องตกที่นั่งแบบเธอ ถ้าพี่ไม่รักผมเหมือนไม่รักเธอ ผมจะเป็นยังไง”

            “พี่รักนาย ก่อนนายรักพี่นะ”

            “รู้ได้ไง”

            “รู้สิ นายเกือบไม่รักพี่ด้วยซ้ำ” ผมทำหน้างอนใส่เขา

            “เกือบไม่รักไม่เคยนะ เคยเกือบเกียดมากกว่า แต่สุดท้ายก็ยังรักจนถึงตอนนี้”
 

            ผมไม่รู้จะตอบอะไรเขาดี มีแต่ผมเองที่คิดว่าเขาเกียดผมไปแล้ว รู้อย่างนี้ผมจะไม่ยอมไปไหนเลย จะอยู่ด้วยจนผ่านเรื่องทุกอย่างไปด้วยกัน ชานยอลลากเก้าอีกมานั่งข้างๆเตียงผม เขากุมมือผมไว้ เมียผมน่ารักที่สุด อยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยเหมือนเดิมเร็วๆ
 

            “พี่หายดีเราแต่งงานกันไหม”

            “อีกสองปีนะ เร็วที่สุดแล้ว ผมจะทำงานก่อน”

            “อ๋า…ไม่เอาแต่งเลยนะ”

            “นายอย่าเป็นแบบนี้นะอี๋ฟาน พูดดีๆ”

            “…”

            ขี้เกียจฟังล่ะ เหตุผลเมียเยอะไป ดึงผ้าห่มตะแคงตัวหันหน้าหนีดีกว่า -_-;

            “ขี้งอนอีกแล้ว อี๋ฟาน…”แขนเขากอดผม “หน้านายอยู่ตรงไหน”คลำมือมาบนหน้า -_-;“ตรงนี้เอง” คลำมาถูกแล้วก็จับสองมือบังคับหน้าผมหันกับไปหา “ดึงผ้าออกได้หรือยัง จะจูบแล้วนะ!”
            เอาไงดีล่ะ งอนอยู่ แต่อยากจูบเมีย …

            “เล่นตัวไม่จูบแล้วนะ”
 

            ฟุ่บ …ผมดึงหน้าออกแล้วทำหน้าตาย มาจูบสิ
 

            ใบหน้าหวานโน้มลงมาประกบผมแนบแน่นแต่ไม่บดขยี้ บางเบาแต่หนักแน่น คลอเคลียแต่ไม่ล่วงล้ำกันและกัน ซักพักใหญ่เขาถอยออก เราสบตากัน มือเรียวเกลี่ยแก้มบริเวณแผลผมเบาๆ เขาคงกลัวผมเจ็บ แววตาที่บอกถึงความห่วงใยผมเสมอเหมือนตอนที่เราอยู่ด้วยกัน เพียงเท่านี้ ผมก็หายเจ็บแล้ว

            “หายเร็วๆนะ”

            “อื้ม ดูแลด้วยนะ”

            “อื้ม”

            ^^;

 

           

 

 

 

 

            ///

            เกือบสัปดาห์ที่ผมต้องไป-กลับรพ. เพื่อเฝ้าคนป่วย ตอนนี้เขาได้กลับบ้านซักที เขาเลือกไปพักที่โรงแรมของตัวเองเพราะไม่อยากรบกวนบ้านผม ผมก็คิดว่ามันเหมาะสมกว่าเหมือนกัน ผมสามารถเข้าออกที่นั่นได้สบายกว่า เขาที่เข้าออกบ้านผมแทน เควินกลับไปทำงานเหมือนเดิมตั้งแต่งานแต่งเสร็จเรียบร้อย ผมขอให้ลู่หานอยู่ก่อน เขาก็อยู่กับผมจนถึงวันนี้
 

            ผมอยู่ที่สนามบิน ยืนรอส่งลู่หานกลับไปฝรั่งเศส อาร์ตแกลอรี่เขากำลังจะเปิดยังไงเขาก็ต้องกลับไปแล้ว ผมดีใจกับเขาจริงๆ วันเกิดตัวผมจะไปร่วมงานของเขา เขาบอกให้ผมเป็นแขกวีไอพี ^^; แน่นอนว่าผมกับเควินไม่พลาดแน่ๆ เควินเองก็อยากมาส่งน้องชายที่น่ารักคนนี้เหมือนกัน แต่ว่างานของเขาเยอะมากจนไม่สามารถไปไหนได้เลย ผิดกับคนของผมจริงๆ นอนเดี้ยงนี่สบายไปเลย
 

            “เจอกันที่ปารีสนะ”

            “อื้ม ไปแน่นอน ไม่ต้องห่วงจะหอบดอกไม้สีชมพูช่อโตไปให้นายเลย”

            “คิดถึงพวกนายแย่เลยชานยอล”

            “นั่นสินะ ขอบใจนะที่เราได้มาเจอกัน มาเป็นเพื่อนกัน”

            “ดูแลอี๋ฟานดีๆนะ อย่าให้ดื้อ อย่าให้ซนอีก ฮ่าๆๆๆ”

            “ฮ่าๆๆๆๆ ไม่มีอีกแล้วล่ะ จะดูแลให้ดีที่สุดเลย”

            “ดูแลตัวเองให้ดีกว่าหมอนั่นล่ะ รู้ไหม”

            “เหมือนกันนะ มีคนมาดูแลได้แล้ว ความฝันเป็นจริงแล้วนะ”

            “หาอยู่น่า เฮ้อ …โชคดีจังที่คนๆนั้นไม่ใช่อี๋ฟานของนาย”

            “ฮ่าๆๆๆ อี๋ฟานดีที่สุดสำหรับชั้นคนเดียวก็พอแล้ว”

            “…เหรอ งั้นสินะ อื่ม!!!”
 

            บทสนทนาของเราจบลงเมื่อประกาศของทางสนามบินดังขึ้น ผมมองอยู่ตรงนี้เมื่อเขาเดินเข้าไปจนลับสายตาผมแล้ว มิตรภาพดีๆกับเพื่อนที่ดีของผม ผมรู้สึกดีมากจริงๆ

 

 

 

            กลับมาคนป่วยที่โรงแรม เขานั่งรอผมอยู่ โต๊ะมีงานเอกสารวางอยู่หลายแฟ้มงาน ผมเข้าไปนั่งใกล้ แค่หยิบหนังสือมาอ่าน เราไม่มีบทสนทนาต่อกันแค่มองกันเท่านั้น เราเป็นแบบนี้เสมอที่อยู่ด้วยกันไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ตาม เมื่ออีกฝ่ายมีเรื่องส่วนตัวต้องจัดการ
 

            ผ่านไปเกือบสองชม. เขาวางมือจากงาน แล้วเขามาสวมกอดผมจากด้านหลัง ผมก็ปิดหนังสือเพื่อเขาเหมือนกัน งานเขาเสร็จแล้วพอดีกับเวลาพักทานอาหารและยา จะได้หายเร็วๆ งานรอเราทั้งคู่อยู่อีกเยอะ
 

            “คืนนี้กลับบ้านไหม”

            “กลับสิครับ จะให้อยู่ด้วยเหรอ”

            “ใช่”

            “…”จะให้อยู่ด้วยทำไม อยู่ทุกวันอยู่แล้ว -_-; “กลับบ้านได้ไหม”

            “ตามใจครับที่รัก”เสียงเขาหงอยใส่ผม

            “น่าจะหามือขวาซักคนนะ จะได้ไม่เหนื่อยกว่านี้”ผมเปลี่ยนเรื่องไปเรื่องงานดีกว่า

            “ก็แต่งงานกับพี่สิครับ แล้วมาเป็นเลขาส่วนตัว”

            “ขอเงินเดือนเลขาส่วนตัวเท่ากับประธานบริษัทได้ไหมครับ”

            “ให้ถือกระเป๋าเงินประธานเลยครับ ไม่มีแอบเม้มแม้แต่บาทเดียว”

            “น่าสนใจนะเนี่ย ฮ่าๆๆๆ แต่ผมไม่รับข้อเสนอนี้แล้วกันนะ”

            “…”
 

            ผมเชื่อครับ เหมือนตอนที่เราอยู่ด้วยกัน ผมก็ดูแลเงินให้เขาทุกอย่าง เขาอยากได้อะไรเขาจะขอผม และให้ผมช่วยเลือกให้ เขาน่ารักมากเรื่องนี้ ผมรู้สึกเกรงใจที่ต้องมาทำเรื่องแบบนี้ให้ผู้ชายด้วยกัน แต่ถ้าเขามีความสุข ผมก็ทำ แต่สถานะของเราทั้งคู่เปลี่ยนไปจากตอนนั้นแล้ว เพียงแค่คนแชร์ห้องพัก ตอนนี้เขากลายเป็นคนสำคัญที่แชร์ทุกอย่างของผมแทน
 

            “ถ้าพี่หายดีแล้วพี่กลับฮ่องกงนะชานยอล”

            “ครับ”

            “แล้วนาย…”

            “ผมจะไปอิตาลี่ครับ ธนาคารกลางของเราอยู่ที่นั่น ผมต้องไปดูแลเอง”

            “อีกกี่เดือนเราจะได้เจอกันล่ะ”

            “ไว้ผมทำงานเสร็จ ผมจะโทรบอกนะ แล้วผมจะไปหาพี่เอง”

            “โทรหากันทุกวันนะ”

            “ครับ”

            “บอกรักกันทุกวันนะ”

            “ครับ”

            “น้อยใจนะ”

            “ครับ”

            “เห๋… ทำไมครับล่ะ ไม่สนใจอารมณ์อ่อนไหวของสามีนายเหรอ”

            “สนใจครับ แต่มันเป็นหน้าที่ อย่าน้อยใจนะ อีกสองปีเท่านั้นผมจะแต่งกับพี่แน่นอน สัญญาเลย”

            “พี่ไม่ได้อยากแต่งงานหรอกชานยอล พี่อยากให้เราอยู่ด้วยกันมากกว่า แค่อยากให้อยู่ใกล้ๆ ได้ไหม”

            “ครับ พี่จะยอมไหม ถ้าผมไม่รับตำแหน่งประธานบริษัทแล้วไปอยู่กับพี่ วันข้างหน้าพี่จะรู้สึกผิดกับพ่อผมไหม จะน้อยใจหรือป่าวเมื่อมองหน้าผม”

            “…”เขาเงียบไป
 

            ผมรู้ว่าเขาคิดยังไง ตำแหน่งประธานสำคัญกับครอบครัวของผม แต่ไม่ได้สำคัญกับผมมากกว่าเขา ผมชอบชีวิตที่เรียบง่าย อยู่กับบ้านอ่านหนังสือ มีกิจการเล็กๆเลี้ยงตัวเองให้มีความสุข อยู่กับคนที่รักก็พอแล้ว แต่เขาไม่ใช่ อี๋ฟานมีความทะเยอทะยานมากกว่าผม เขาเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบทุกอย่างที่คิดว่าเป็นของตนมาตั้งแต่เด็ก เขาจะเสียใจเมื่อมองหน้าผมในวันข้างหน้าในสิ่งที่ผมเสียไป แล้วเขาทำเพื่อผมมากกว่าที่ผมทำไม่ได้ เราจะทะเลาะกัน ทั้งที่เราเข้าใจกัน ผมต้องตัดปัญหาพวกนี้ด้วยความรอบครอบ เพื่อเขา เพื่อผม
 

            “ผมอยากอยู่กับพี่นะ ผมไม่มีคนอื่นหรอก”

            “พี่เชื่อ แล้วนายล่ะเชื่อใจพี่ไหม พี่ไม่ใช่คนดีนะ ดีไม่พอจะคบกับนายด้วยซ้ำ นอกจากเงินพี่ไม่มีอะไรเลย ซักอย่างพี่เป็นผู้ชายที่ดีไม่ได้ ตอนนี่ก็เป็นอยู่อย่างนั้น”

            “ฮ่าๆๆ”ผมอดขำในคำพูดของเขาไม่ได้จริงๆ เขาไม่เคยเดาผมออกเลย คิดไปเอง อีกแล้ว เขามองหน้าผมเหมือนต้องการคำตอบ และที่ผมหัวเราะออกไป ทำให้เขาไม่สบายใจมากกว่าเดิม เฮ้อ …

            “ตอบคำถามผมหน่อยอี๋ฟาน ผมเคยบอกว่าพี่เลวไหม”

            “…”เขาส่ายหน้า

            “ผมเคยบอกว่าอยากได้คนดีกว่าพี่ไหม”

            “ไม่ครับ”

            “ผมเคยต้องการเงินพี่ไหม”

            “ไม่ครับ”

            “แล้วผมต้องการอะไร”

            “ไม่รู้…จริงๆ”

            มาโง่อะไรตอนนี้อีกล่ะเนี่ย -_-; เรื่องอื่นล่ะคิดไปเองได้ไกลเชียว
 

            “ผมไม่เคยมองใครบนโลกใบนี้เลวร้ายมาก่อนเลย ผมมองแค่ธรรมชาติของเราต่างกัน สิ่งที่ผมเห็นในตัวของคนที่ผมรัก คือเขาที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากคนที่รักผม เขาไม่เข้าใจผมก็จะบอก เขาไม่รู้ผมอยากให้เขาถามออกมา เขาทำร้ายผมก็แค่หาเหตุผลมาให้อภัยเขา เขาทำผิดผมก็แค่ลงโทษ เขาดูแลผมไม่ได้ ผมจะดูแลเขาเอง เขาคนนั้นคือนายนะ . . . แค่นี้ไม่พอเหรอ เลิกคิดมากเรื่องอื่นได้แล้ว”

            “ครับ …กอดหน่อย”
 

            ผมเกยคางไว้ที่ไหล่กว้างของเขา  ร่างกายเรากอดกันไม่แน่นมาก แต่ความรู้สึกของเรากอกันแน่นกว่าสัมผัสใดใดเสมอ เขาของผมเป็นคนน่ารัก ผมถึงรักเขามากขนาดนี้ไง บางทีถ้าเราจะรักใครซักคน ก็แค่ถามตัวเองให้ดีก็พอ ไม่จำเป็นหรอกความคิดเห็นของคนอื่นน่ะ ถ้าเราเชื่อในตัวเขาเราจะมองเขาออกเองว่าเขาเป็นคนแบบไหน จะรักกันแล้วใช้ชีวิตด้วยกันต่อไปอย่างไร มันเป็นแค่เรื่องง่ายๆ อยู่ที่ตัวเราเอง
 

            ผมไม่รู้หรอกว่าหลายคู่รักเลิกกันเพราะอะไร ไปกันไม่ได้ ไม่เข้าใจกัน จริงๆแล้วเป็นแค่อารมณ์โกรธทำให้ไม่เข้าใจกัน หรือหมดรักกันแล้วถึงคิดว่ามันเป็นความรู้สึกที่เข้ากันไม่ได้ แล้วผมก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ผมรู้ว่า เขาจะอยู่กับผมแล้วผมก็จะอยู่กับเขา
 

            “ชานยอล คืนนี้อยู่ด้วยกันนะ หลายคืนแล้ว T^T;”

            “เฮ้อ …มีแรงทำไหวหรือไง จบเถอะ!”













 

 

 

G Minor!

bottom of page