top of page

กฎข้อที่ 11 การเคลื่อนที่

 


 

เช้าวันที่ผมจะออกไปทำงานร้านเบแกอรี่ วันนี้อากาศดีมาก คนที่นอนข้างๆผมหลับสนิท ผมอดใจไม่ไหวที่เกลี่ยผมเอ็นดู และจูบลงไปที่หน้าผากอย่างช่วยไม่ได้ ชานยอลหน้าหวานมากจริงๆ ถึงเขาจะหลับอยู่ อยากจะกวนมากกว่านี้แต่ก็ไม่กล้าตื่นมาเดี๋ยวผมเจอจัดเต็มแก้แค้นชุดใหญ่อีก ฮ่าๆๆ โหดจริงๆ แถมยังขี้งอนสะด้วย ว่าแล้วผมไปอาบน้ำดีกว่าเดี๋ยวไปทำงานสาย ผมก็เป็นคนตรงเวลานะคร๊าบ ^^;
 

ก่อนที่ผมจะออกไปจากห้องก็นึกขึ้นมาได้ว่าผมต้องเอาหนังสือที่เรานอนอ่านหันทุกคืนไปเก็บก่อนจะดีกว่า อ่าเมื่อคืนเราเถียงกันดึกมากเลย หนังสือสี่เล่มเกี่ยวกับข้อพิพาทในกรณีต่างๆด้านการค้าและการลงทุน ชานยอลเก่งเรื่องนี้มากกว่าเด็กมหาลัยธรรมดาๆสะอีกยังกับลูกเจ้าของกิจการแน่ะ อ่า…หนังสือมุมตรงนี้นี่นาเล่มเหมือนกันเลย ตรงนี้ใส่ที่ลิ้นชักผมเคยเห็นเขาจัดมันไว้จากความคุ้นเคยที่เราอยู่ด้วยกัน
 

อ้าว เฮ้ย!กระดาษอะไรเล็กมันโดนสอดไว้ในลิ้นชักแต่หลุดออกมาตอนผมเปิดออกพอดี
 

‘อู๋ อี๋ฟาน’ ชื่อสั้นๆที่ผมรู้ความหมายมันดีที่สุด คำสามคำที่เรียงเป็นคำอ่านตามชื่อของผมถูกเขียนเป็นภาษาจีนตัวบรรจงลายลือสวยงาม หัวใจผมกระตุกวาบด้วยความเจ็บปวด ทำไมเขาต้องปิดบังผมไว้ ชานยอลรู้มาตลอดว่าผมเป็นใคร ที่เขาบอกผมว่ารู้จักกับแม่ผมเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นสินะ ไม่ใช่เพราะเห็นใจหรืออยากให้ผมอยู่ด้วยหรอกเหรอ เราถึงอยู่ด้วยกันจนถึงตอนนี้ เขาไม่ได้อยากช่วยผม แต่เขาทำเพราะแม่ของผมอย่างนั้นเหรอ ผมล้วงมือไปค้นด้านในลิ้นชัก แล้วเอาทุกอย่างออกมา
 

บัตรเครดิตแบบเดียวกับที่ผมใช้จำนวน 4 ใบตราปล้ำการเปิดบัญชีธนาคารที่ผมยักยอกเงินแม่ออกจากบัญชีไปฝากไว้ นาฬิกาหรู 2 เรือนแบบเดียวกับที่ผมใส่ แหวนและสร้อยข้อมือที่ประเมินค่าคร่าวๆพอจะสร้างตึกที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นได้ แต่สิ่งที่เบนความสนใจของผมทั้งหมดไม่ใช่มูลค่าของสิ่งของ มันคือเจ้าสิ่งนี้ ปืนพกสั้น ออโตเมติค ขนาด 9 มม.ถูกใส่ไว้เรียบร้อย ทุกอย่างที่ผมเห็นคืออะไร ตัวผมชาไปหมด สาเหตุที่แม่ไม่ออกมาตามหาผมเลยคืออะไร ทุกอย่างถูกรวมเข้าด้วยกันตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม เขาเป็นคนของแม่ผม
 

ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่เขาทำทั้งหมดล่ะ แค่ผูกมัดผมเอาไว้ให้อยู่กับตัวเขาอย่างนั้นเหรอ ตามแม่ของผมสั่งสินะ ถ้าคนที่ผมรักคือคนของแม่ ผมก็ไม่มีวันได้ลงเอยกับเขา เขาจะรู้ไหม หรือเพราะรู้อยู่แล้ว ก็เลยทำเหมือนไม่คิดอะไรกับผมมาโดยตลอด ความคิดมันวุ่นวายสับสนตีกันในหัวสมองผมเต็มไปหมด ผมต้องการคำอธิบายเรื่องทุกอย่าง …แต่เขาคงไม่พูดมันออกมา ถ้าเขาคือคนของแม่ผมจริงๆ ผมต้องทำยังไง
 

ผมเก็บของทุกอย่างยัดไว้ที่เดิมให้เรียบร้อย แล้วอาบน้ำแต่งตัวให้เสร็จ ยังไงสะเรื่องนี้ผมก็จะมีคำตอบภายในวันนี้แน่นอน เพียงแค่ผมต้องรู้จักใจเย็นขึ้น ไม่เป็นไรยังไงเราก็ยังอยู่ด้วยกัน เขายังอยู่ข้างกายผม
 

“จะออกไปทำงานแล้วเหรอ” เสียงงัวเงียของคนที่โผล่หน้าออกมาจากประตูห้องถามผมขึ้น

“อื้ม กำลังจะออกไป”

“อ่า…เดินทางดีๆนะ เจอกันตอนเย็น”ใบหน้ายิ้มแย้มของเขา  

“กอดหน่อยสิ”
 

ผมดึงเขาเข้ามากอดเหมือนที่ทำทุกวัน แต่วันนี้มือผมเย็นเฉียบ ใจของผมก็เหมือนกัน คนในอ้อมกอดรู้สึกอะไรกับผมบ้างไหม เมื่อไหร่เขาจะเรียกชื่อจริงของผมออกมาจากใจของเขา แม้แต่ชื่อปาร์ค ชานยอลตอนนี้ผมก็ไม่แน่ใจว่าใช่ชื่อของคนที่ผมให้ความสำคัญสุดหัวใจหรือป่าว
 

“ออกไปได้แล้ว เดี๋ยวสายนะ ไว้เจอกัน”

 






 

ร้านเบเกอรี่ที่ผมเพิ่งเข้ามาทำงานได้สัปดาห์เดียวเท่านั้น แต่มันก็ทำให้ผมคุ้นเคย เพราะพี่ๆที่ร้านกาแฟมาสมัครงานร่วมกันกับผม คอยช่วยเหลือผมที่นี่ ชานยอลทำงานเยอะแล้วเขาเลือกที่จะพักในบางช่วงเวลา ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าเขาพักหรือแอบออกไปไหนในช่วงกลางคืนอีก ผมไม่เคยนอนหลับไปก่อนเลยถ้าไม่มีเขาอยู่ข้างๆ ผมรอให้เขากลับมาอยู่ในอ้อมกอดผมทุกคืน
 

เจ้าของร้านเป็นสาวเกาหลีรูปร่างผอมบางสมส่วนในหน้าสวยน่ารัก ไม่ต่างจากขนมของเธอ เธอใจดีแล้วมักเอื้อเฟื้อกับพนักงานทุกคน ผมยืนรับลูกค้าหน้าร้านแล้วยกขนมไปเสิร์ฟให้พวกเธอ เสร็จก็เข้ามาพักข้างในตามเวลาพักเบรกของพนักงานที่ผลัดหน้าที่กันทำงาน ทำอยู่อย่างนั้นทั้งวัน จนถึงตอนนี้ก็ใกล้บ่ายสามโมงแล้ว ผมเข้ามาพักอีกครั้ง
 

“พี่คริสคะ มาช่วยชั้นยกขนมออกไปด้านนอกหน่อยค่ะ”

“ครับ” ผมเดินตามเธอเข้าไป

“พี่คริสคะ ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ”

“ครับ” ผมใจลอยไปเรื่อย -_-;

“เห็นพี่ๆในร้าน เอ่อหมายถึงเพื่อนของพี่น่ะค่ะ บอกว่าพี่มีแฟนแล้วเหรอคะ”

“ครับ มีแล้ว” ไม่ใช่คนที่พวกเขารู้จัก

“ว้าว ต้องน่ารักมาๆแน่เลยค่ะ”

“อืม …” ผมพยายามคิดถึงใบหน้าลู่หาน ก็น่าจะใช่ แต่อีกใบหน้าหนึ่งแทรกเข้ามาในสมองผม ใบหน้าหวานที่มีรอยยิ้มให้ผมเสมอ ผมไม่สนหรอกว่ามันจะน่ารักแค่ไหน แค่เป็นคนที่ผมรักก็พอ

“ชั้นได้ยินว่าเขาเป็นผู้ชายเหรอคะ”

“ครับ” ผมก็ตอบตรงๆมีอะไร -_-;

“ไม่อยากลอง …มาคบผู้หญิงบ้างเหรอ คะ?” ผมไม่ได้มองเธอ ตั้งใจทำงานของผมต่อไป ผู้หญิงแบบนี้ผมเจอมาเยอะแล้ว ปล่อยไปก็หายไปเอง

“ไม่ครับ”
 

ของทั้งหมดผมจัดเสร็จแล้ว ผมกำลังจะยกมันขึ้นออกไปหน้าร้าน แต่จู่ๆเธอก็โดดตัวขึ้นกอดคอผมโน้มลงไปจูบ จูบที่ผมไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยเลย แค่ริมฝีปากชิดกัน มันคงโรแมนติกพอแล้วสำหรับเธอ  อ่า…เฮ้อ ผู้หญิงสมัยนี้
 

“คริส”
 

เสียงหนึ่งผมให้ผมผลักเธอออกอย่างแรง ชานยอลมาเห็นผมสภาพที่ไม่น่าจะเข้ามาเห็นพอดี เขาไม่รอฟังผมพูดอะไรทั้งนั้น เดินออกจากร้านไปให้ผมเห็นแค่แผ่นหลัง ผมต้องตามเขามาคุยกันให้รู้เรื่อง แต่ข้อมือเล็กๆรั้งผมไว้
 

“อย่าไปค่ะ เปลี่ยนใจเถอะ”

“รู้ไหม ว่าเธอไม่ได้สวยที่สุดหรอก เธอไม่มีอะไรน่าสนใจเลยเธอก็แค่ผู้หญิงทั่วไป แต่คนที่เธอทำให้เขากำลังหนีผมไป รู้ไหมว่าเขาคือคนที่ผม ผม…ผม”

‘รักเขามากที่สุด’แต่ผมไม่พูดออกไป









 

 ผมวิ่งไล่ตามชานยอล ออกมาที่ป้ายรถเมล์ ผมเห็นเขาวิ่งขึ้นไป สายตาไม่มองผมเลย คงโกรธมากแน่ๆ ทำไงดีล่ะ ตามกลับไปให้เร็วที่สุดล่ะกัน ผมโบกแท็กซี่แถวนั้นแล้วขึ้นกลับหอ

 

            “ชานยอล!”ผมเรียกเขาเมื่อเข้ามาด้านในห้อง เขาหันมามองผม เราปะทะสายตากันและกัน

            “ไปทำร้านเบอเกอรี่เพราะแบบนี้เหรอ”

            “มันไม่ใช่แบบที่เห็นนะ คือเขาเข้ามาจูบเอง ไม่ได้ตั้งตัวเลย” ผมพูดความจริง

            “อืม” เขาพูด

            แค่นี้เหรอ ท่าทางเขาดูไม่สนใจผมเลย หึ นั่นสินะ เขาก็แค่ทำเหมือนสนใจมาโดยตลอด

            “แค่เนี่ยเหรอ มันไม่ใช่จริงๆนะ” ผมก็ยังจะย้ำมันออกไป

            “รู้แล้ว แค่นี้ใช่ไหม หมดเรื่องแล้วขอตัวนะ”
 

            ผมหมดความอดทนแล้วจริงๆ ทำไมล่ะชานยอล พูดออกมาทีสิ ชื่อของชั้น เมื่อไหร่นายจะพูดออกมา

            “ชานยอล!”

            “อะไร”

            ‘ถ้ามากกว่านี้นายจะยอมเรียกชื่อชั้นไหม ชานยอล เราลองมาทำร้ายกันและกันเถอะ’

            แล้วผมก็ทำมันลงไป …

 

 





 

 

 

            …แม้กระทั้งการขอร้องของเขาก็ไม่เอ่ยชื่อผม
 

            ผมหยุดการกระทำทุกอย่างเมื่อผมเสร็จ ร่างที่นอนหอบหายใจกระเส่าอยู่อย่างเจ็บปวดตอนนี้คือคนของผม เขาเป็นของผมทุกอย่างโดนสมบูรณ์ แต่หัวใจของผมเหมือนโดนตะปูตอกทิ่มเข้าตรงกลางพอดี คำถามที่ผุดขึ้นด้วยความรู้สึกผิดของผม ผมทำลงไปได้ยังไง เขาเป็นคนที่ผมรักไม่ใช่เหรอ ทำไมผมถึงทำลายเขาเพราะแรงอารมณ์ชั่ววูบล่ะ ความงี่เง่าของผมเองทำให้เขาเจ็บขนาดนี้
 

            ผมประครองร่างของคนที่ผมรักเข้าอ้อมกอดอย่างเบามือและถะนุถนอมที่สุด ผมรู้ว่ามันไม่ช่วยอะไรเลย เพราะผมทำลงไปแล้ว ผมไม่ได้เสียใจที่ทำมันลงไป แต่ผมเสียใจเพราะคนที่ผมลายคือคนที่ผมรักเขาจริงๆ
 

คำถามเกี่ยวกับตัวเขายังวนอยู่ในหัวผมอยู่ดี ถึงผมจะจูบปลอบและกอดเขาไว้ให้อ้อมกอดแน่นที่สุดแล้ว ทำไมจนถึงที่สุด ก็ยังไม่เรียกของผมออกมา ผมก็เจ็บปวดที่ใจไม่ต่างจากเขาเลย ยิ่งเขาเข้มแข็งบอกผมว่าไม่เป็นไร มันยิ่งทำให้ผมแทบกะอักความเจ็บออกมา เพียงแค่เขาจะบอกผมตรงๆแล้วร้องไห้ออกมา ไม่ว่าจะเรื่องอะไรผมพร้อมจะรับมันแล้วไม่เชื่อใครอีกเลยนอกจากเขา แต่ก็เป็นผมเองที่ร้องไห้ ร้องอย่างแยกความรู้สึกตัวเองไม่ออกว่าร้องเรื่องอะไร ทำไม ! 
 

‘สุดท้ายแล้ว ผมก็ไม่กล้าเอ่ยถาม เมื่อผมผิดเอง’

 เรื่องเดียวที่ผมรู้ ต่อให้ผมถูกหลอกมาตลอด เขาไม่เคยรู้สึกอะไรเลยก็ชั่ง แต่ผมจะไม่ยอมปล่อยมือจากเขาเด็ดขาด อ้อมกอดของผมเป็นของเขาเสมอ พอๆกับเขามันเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น 

 

 

 

 

 

 

///
 

ผมลืมตาขึ้นมาหลังจากการพักผ่อนที่ยาวนาน เตียงกว้างรองรับร่างผมและเขาอยู่  เขาใส่เสื้อผ้าไว้ให้ผมแล้ว ผมควรรู้สึกขอบคุณใช่ไหม ไม่มีทาง …ผมเบี่ยงตัวเองตะแคงไปอีกทาง แล้วเท้าแขนพยุงตัวเองลุกขึ้น ความเจ็บไม่ได้รั้งให้ผมอ้อยอิ่งอยู่กับมัน ขอแค่เราทักทายกันอย่างคุ้นเคยไปแล้ว ขาผมค่อยๆพาร่างมาหยุดอยู่หน้าห้องน้ำ มือถือที่ผมกำไว้แน่นแนบอก เมื่อเข้ามาห้องน้ำได้ผมลงกลอนมันอย่างหนาแน่น
 

ปลายสายที่ผมกดโทรออกให้ผมรอสายไม่ถึง 5 วินาที

“ฮัลโล”

“มารับลูกคุณกลับไปทีได้ไหม เอาเขากลับไปที ไปจากผมให้เร็วที่สุด”

“เกิดอะไรขึ้นชานยอล ทำไมถึง”

“พรุ่งนี้! …ผมขอร้อง”
 

ผมกดตัดสายแล้วปิดเครื่องทันที ไม่ต้องการรับรู้อะไรอีกแล้วตอนนี้ ผมควรตัดพวกเขาทั้งหมดออกไปจากชีวิตผมเสียที …











 

 

 

bottom of page