top of page

 

 

19:05

บ้านของเรา

คนป่วยยังนอนหลับใหลอยู่ ตั้งแต่กลับมาบ้านช่วงบ่ายผมบังคับให้กินยาแล้วนอนพัก ผมออกมาทำงานบ้านทุกอย่างแทน -_-; ภรรยาผมจะทำเรื่องพวกนี้ทุกวันก่อนออกไปทำงานทุกเช้า ถึงผมจะเฝ้าบ้านและดูเหมือนแม่บ้านเต็มที แต่เขาไม่เคยให้ผมต้องทำอะไรเลย เขาดูแลผมหมดทุกอย่างแม้กระทั่งเสื้อผ้า ยาสีฟันที่บีบบนแปรง ผมไม่รู้ว่ามันจะดีกว่านี้ไหมถ้าเขาบ้างานให้น้อยลงบ้าง ตั้งแต่แต่งงานกันมา (ไม่กี่วัน-_-;) ผมไม่กล้าพูดถึงเรื่องฮันนี่มูนเลย ต้องพักโครงการนี้ยาวขึ้นสะแล้ว เพราะภรรยาผมป่วยอยู่ T^T;

 

ติ๊ง … ติ๊ง … เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น ใครมาครอบครัวของภรรยาผมเหรอ?

“คุณนาอึน!” เธอมายืนยิ้มอยู่หน้าประตูบ้าน แล้วก้มหัวให้ผม ผมก้มตอบแล้วยิ้มรับ “เชิญครับ ชานยอลอยู่ในห้อง แต่หลับอยู่นะ”

“อ่า...เลิกงานแล้วนาอึนก็รีบมาที่นี่เลยค่ะ พี่ชานยอลเป็นอย่างไรบ้างคะ” เธอวางกระเช้าผลไม้ลงบนโต๊ะ

“ไม่มีไข้แทรกซ้อนครับ เท่าที่มีแล้วก็หลับสบายอยู่บนเตียงเพราะฤทธิ์ยา”

“นาอึนเคยมาที่นี่หลายครั้งแล้วค่ะ” เธอมองไปรอบๆ “เอางานมาให้เจ้านาย คริคริ พี่เขาออกแบบตกแต่งเองทั้งหมด” ผมพยักหน้าให้ฟังเธอเล่าต่อไป “พี่ชานยอลชอบโทนสีเข้ม แต่เลือกทาสีบ้านเป็นสีสว่างอบอุ่น พี่เขาลงมือทาสีเองนะคะ วันที่เอาเอกสารมาให้ เขาอยู่ในชุดทาสีหน้าเปื้อนไปหมดเลยค่ะ อ่ะๆ ล่ะก็สวนตรงนั้น ผู้หญิงที่นาอึนคิดว่าน่าจะเป็นคุณแม่ของพี่ที่เจอเมื่อวาน มาช่วยปลูกต้นไม้ในกระถางด้วยค่ะ” ผมอึ้งกับสิ่งที่ได้รับรู้ “ตอนแรกนาอึนคิดว่าเป็นคุณแม่เจ้าสาวของพี่ชานยอลปลูกไว้สวนหย่อมให้กับลูกสาวของเธอ ฮ่าๆๆ ที่ทั้งบ้านเป็นสีขาวกับฟอนิเจอร์ไม้สีเรียบโทนสีเบส เป็นเพราะพี่สินะคะ” ผมพยักหน้า ชานยอลน่าจะออกแบบตามความชอบของผม แม่ผมบอกทุกอย่างกับเขาเหรอ? แล้วความชอบของเขาล่ะ ผมไม่เคยรู้อะไรมาก่อนเลย

 
 

“พี่ครับ …พี่คริส”

“ครับ พี่อยู่นี่” เสียงภรรยาผมดังออกมาจากห้องนอน ผมและนาอึนเดินเข้าไป

คนป่วยลุกขึ้นมานั่งพิงที่หัวเตียง ตากลมโตมองมาที่ผม หัวฟูยุ่งเหยิงพี่มือเขาขยี้อยู่ ผ้าพันแปลที่หัวหลุดออกมาวางอยู่บนผ้าห่ม  ปากแดงสดเหมือนผลเชอร์รี่เบะออกมา เสื้อกล้ามหลุดร่วงลงมาจากแขนโชว์ไหล่ขาวที่เป็นรอยเขียวช้ำจากๆกับรอยถลอกที่เพิ่มขึ้นใหม่ -.,-; ไม่น่ารีบให้นาอึนเข้ามาด้วยเลย

“นาอึนอ่า…คิดถึงจัง” -_-;

“คิดถึงนาอึนหรือคิดถึงานคะ?”

“เอาแฟ้มงานมาให้พี่ไหม” กูว่าแล้ว!

“ในรถค่ะก่อนกลับจะวางไว้ให้นะ”

“อ่า…เธอน่ารักที่สุดเลย มานี่มาๆ” ภรรยาผมหัวเราะอารมณ์ดี กวักมือเรียกเธอดึงไปกอด -_-; มือเขาลูบหัวเธอเบาๆ แต่ไอ้เสื้อที่หลุดออกจากตัวภรรยาผมทำให้ผมไม่ค่อยพอใจว่ะ น้องสาวก็เถอะ

“ชานยอล หิวไหม?” ผมถามออกไปทำลายบรรยากาศ นาอึนถอยตัวออกมาแล้วรวบผมเธอไว้ ยิ้มเจือนให้ผม ผมยิ้มรับ เพราะไม่ได้ตำหนิเธอ -_-; เป็นที่เมียผม

“เช็ดตัวให้หน่อย ผมร้อน” O.,o; นาอึนเองก็หน้าแดงขึ้นสี

“นาอึนไปจัดอาหารให้นะคะ พวกพี่ตามสบายนะคะ” เธอรีบเดินออกไปแล้วปิดประตูให้เรา แอ่ม อื้ม ! …

 

 

“อะไร เร็วๆร้อน !” เขาคงร้อนจริงๆครับ เหงื่อเม็ดเล็กๆผุดขึ้นบนผิวหนัง ผมค่อยเช็ดผ้าชุบน้ำเย็นๆตามผิวหนังและต้นคอให้ ใบหน้าหวานเงยคางขึ้นรับ เสื้อกล้ามถูกถอดออกแล้ว มือผมสอดรอบเอวบางดึงตัวให้เอนมาซบไหล่ไว้ แผ่นหลังขาวที่ไร้ริ้วรอยตอนนี้สีเขียวจางๆแต่งแต้มเต็มไปหมด สองแขนเรียวกอดเข้ารอบเอวผมเข้าไปหาตัว หน้าหวานแนบแก้มติดแผงไหล่ผม ผมรวบข้อมือเรียวข้างหนึ่งมาวางทาบอกข้างซ้าย กดจูบรอยแผลบนหน้าผากของใบหน้าหวาน
 

“อย่ารู้สึกผิดเพราะผม” เขารู้เสมอว่าผมคิดอะไร “ตอนที่ผมหลับไป เวลาเหมือนกูกลืนไปยาวนานมาก ผมอยากตื่นมาเจอพี่”

“อืม…” หัวใจผมเหมือนถูกอัดเข้าเต็มแรงกระแทกมันจุกแน่นจนพูดไม่ออก อ้อมกอดผมบอกเขาได้มากกว่าคำพูดตอนนี้
 

เวลาหมุนเข็มมันไปไม่เนิ่นนานมาก แต่ก็เพียงพอสำหรับเราทั้งคู่ ที่จะคลายอ้อมกอดออกจากัน ผมค่อยๆเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ภรรยาใหม่ ทั้งชุด ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกตอนที่เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผมเป็นยังไง แต่เมื่อผมต้องทำ มันยากมากที่จะไม่อยากเข้าครอบครองเขาอีกครั้ง หน้าผมร้อนผ่าว มือผมคงเย็นเฉียบตอนที่มันสัมผัสลงบนผิวนิ่ม เขายิ้มและหัวเราะออกมาอย่างร่าเริง นั่งให้ผมทำจัดการให้เหมือนไม่รู้สึกอะไร เราชั่งต่างกัน T.T;
 

“ออกไปข้างนอกกันเถอะ นาอึน…”

“อ่า นั่นสินาอึนยังรอเราอยู่ ฮ่าๆๆ พี่ลืมเลย -_-;”

ชานยอลประครองไม้ค้ำยันตัวเองเดินออกมาข้างนอก ผมเดินตามด้วยใจลุ้นระทึก อยากเข้าไปช่วยแต่เขาบอกไม่เป็นอะไร เมียไม่เป็นแต่กูเป็น !
 

นาอึนจัดโต๊ะรอเราอยู่แล้ว แต่ส่วนเกินของอาหารคือแฟ้มเอกสารวางอยู่บนโต๊ะกินข้าวของเรา เกือบ 10 แฟ้มที่ผมคำนวณด้วยสายตา -_-; หลังจากอาหารค่ำภรรยาผมก็นั่งอยู่บนโต๊ะทำงานเหมือนี่เป็นเวลาเช้า ผมออกไปส่งนาอึนหน้าบ้าน เธอขับรถมาเอง จึงไม่ค่อยน่าห่วงถ้าเธอจะกลับคนเดียว นาอึนนี่เหมือนคนในครอบครัวของภรรยาผมเลยนะ
 

วันนี้ไฟในบ้านผมเปิดสว่างทุกห้อง ชานยอลใส่แว่นนั่งคร่ำเคร่งอยู่บนโต๊ะทำงาน ผมนั่งมองใบหน้านั้น ด้วยความเป็นห่วง และทบทวนเรื่องราวต่างๆที่เกี่ยวกับเรา แปดวันที่ผมแต่งงานกับชานยอล ทำไมเกิดอะไรต่างๆขึ้นได้มากมายขนาดนี้ แค่ความคิดว่าจะอยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆจนกว่า เราจะเลิกกัน ไม่มีอีกแล้ว คนหลายคนพยายามทำให้ผมรู้สึกรักและผูกพันใช้เวลานานเกือบปี หรือมากกว่านั้นผมก็ไม่รู้สึกอะไรซักนิด ผมได้รับการดูแลเอาใจใส่จากทุกคนเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ผมไม่ขาดเรื่องนั้น แต่กลับชานยอลเหมือนผมรู้สึกขาดทุกอย่าง และรอให้เขาเติมเต็มมันให้ เวลาคนอื่นไม่ใส่ใจผม เราก็หยุดความสัมพันธ์กันสะก็จบ ถ้าวันหนึ่งคนตรงหน้าผมทำแบบนั้นบ้างล่ะ ผมจะทนไหวไหม ผมไม่เคยคิดมากกับเรื่องะวกนี้มาก่อน แรงผูกมัดที่เกิดขึ้นกับผมมันเป็นเพราะการแต่งงานของเรา หรือเขากันแน่ที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้

 

 

 

 

03.50

ผมเผลอหลับอยู่ที่โซฟา มีผ้าห่มคลุมตัวผมไว้อย่างเรียบร้อย ผมบิดตัวลุกขึ้นมาดูนาฬิกา ใกล้ตีสี่แล้ว ชานยอลคงเข้าไปนอนแล้ว ผมเดินตามเข้าไปในห้อง ไฟในห้องมืดสนิท อ่า…ไปนอนใกล้ๆดีกว่า ส๊วบ… หืม? ผมเด้งตัวขึ้นเปิดไฟที่หัวเตียงทันที  O_o; เขาไม่ได้มานอนในห้อง แล้วเขาไปไหน ผมรีบเดินไปห้องทำงานทันที ไฟยังเปิดอยู่ แต่เขาไม่อยู่โต๊ะทำงาน อ้าว -_-; ผมเดินไปมองรอบๆโต๊ะ คอมยังเปิดพอลองแตะเมาส์ให้ขยับพักหน้าจอเปิดขึ้น งานยังค้างอยู่ กาแฟวางอยู่บนโต๊ะ 2 แก้ว ปึ๊ก! … กำปั้นผมทุบลงบนโต๊ะ อย่างเหลืออด เราต้องคุยกัน! ผมเดินมาในห้องครัวมองหา ก็ไม่เจอ ผงกาแฟร่วงเป็นทางยาวไปเรื่อยๆ ผมเดินตาม
 

แอ่ก … แอ่ก … อั๊ว …อวก แอ่ก …อ่า เสียงเขาดังมาจากในห้องน้ำ ผมผลักประตูเข้าไป เขากดน้ำจากอ่างล้างหน้าทันที สายตาผมบอกว่ามันเกิดอะไรขึ้น ภรรยาผมเป็นอะไรทำไมอาเจียนออกมา เคียดจากทำงานเหรอหรือป่าว แววตาผมแสดงความโกรธออกมาอย่างดุเดือด เขาก้มหน้าลงต่ำ เบี่ยงหน้าหนีผมเดินออกจากห้องน้ำ เร็วพอที่ผมจะคว้าข้อมือไว้แน่น รวบตัวกดติดผนังห้องน้ำ อะไรติดที่มุมปากสวยสิ่งที่ผมเห็นชัดแต่ไม่ค่อยแน่ใจ ผมบีบคางเขาขึ้นตามแรงโกรธ มือแตะเลือดขึ้นมาติดปลายนิ้ว …ผมกัดฟันไว้จนหน้ากระตุก กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
 

………เราทั้งคู่ต่างเงียบ

“ผมขอตัวก่อนนะ จะไปทำงานต่อ” เขาใช้มือปาดปากลวกๆเบี่ยงตัวออกจากผม
 

พลั๊ก !!! ประตูห้องน้ำแตกร้าวอยู่ติดกับใบหน้าหวาน ผมชกมันเข้าเต็มแรง เลือดเริ่มไหลออกจากหมัดของผม  ตากลมโตเบิกกว้างมองผมด้วยความตกใจ ผมโกรธที่สุดแล้ว สุดเท่าที่ผมจะระงับมันไว้ได้ตอนนี้ คือไม่ชกมันไปที่หน้าหวานๆนั่น ผมลากแขนเรียวออกจากห้องน้ำ ไม่สนว่าเขาจะผยุงตัวเองได้มากแค่ไหน เขาเองก็ไม่ร้องออกมาบอกเหมือนกันว่าเขาเจ็บหรือป่าว ยอมให้ผมลากออกมาเงียบๆ ผมกดตัวให้นั่งที่โซฟา แล้วยืนมองอยู่ตรงหน้า ผมต้องได้คำตอบเรื่องนี้ เดี๋ยวนี้!
 

“เลือกมาจะอยู่กับพี่หรืองาน”

“ตอนนี้ผมต้องรีบทำงานก่อน อย่าเป็นแบบนี้”

“พี่ทิ้งทุกอย่างที่โน้นเพื่อมาอยู่กับนาย” ผมชี้นิ้วขึ้นส่งเสียงตะคอกใส่ “นายเห็นงานที่นี่สำคัญกว่าพี่ สำคัญกว่าตัวนายเอง!”

 “พี่อยากกลับไปแคนาดาไหม” เขามองตาผม ผมจุกเข้าที่หัวใจ สิ่งที่ผมกังวลมานานผมกำลังจะได้คำตอบของมัน ผมรู้ว่าเขาเลือกไม่ไปกับผมแน่ๆ

“…”

“ตอบมาสิครับ ตอบอย่างที่รู้สึก มีอะไรก็พูด”

“อยาก” ผมพูดออกไปตามตรง อะไรจะเกิดมันก็คงต้องเกิด “จะไปกับพี่ไหม” ผมกัดฟันถามคำถามสุดท้าย

“ไป” ช๊อคครับ … อ้าปากค้าง แต่เสียงไม่ส่งออกตามมา มันไม่มีคำพูด

“ถ้าวันนี้ผมเคลียร์งานทุกอย่างเสร็จ งานทุกอย่างตลอดครึ่งปีของผมจะจบลง ผมเริ่มมันตั้งแต่รู้ตัวว่าผมต้องแต่งงาน และแต่งกับใคร ต้องไปอยู่ที่ไหน ผมจะลาออกจากบริษัท” เขาดึงมือผมไปแนบแก้มสองข้างบนหน้าหวาน เงยหน้าขึ้นมา “เรากลับมาเยี่ยมเกาหลีกันบ้างนะ ผมคิดถึงบ้านหลังนี้” เขายิ้มให้ผม
 

ผมคุกเข่าลงตรงหน้าแล้วดึงเขาเข้าสู่อ้อมกอดทั้งน้ำตา ไม่มีอีกแล้วครับคู่ชีวิตที่ทำเพื่อผมมากขนาดนี้ ผมไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ ผมฝังจูบและสัมผัสทุกอย่างที่ผมทำได้บนใบหน้าเขาซ้ำไปซ้ำมา  เขากดไหล่ผมให้ต่ำลงแล้วจูบผมที่หน้าผาก ผมหลับตารับสัมผัสกลีบปากบางด้วยความรู้สึกขอบคุณทั้งหมดที่ผมมี ขอบคุณจริงๆที่เลือกคนอย่างผม ขอบคุณที่เปิดรับผู้ชายแบบผม ขอบคุณที่เป็นผม ผู้ชายที่ไม่มีอะไรเลยคนหนึ่ง
 

“พี่ครับ หยุดร้องไห้ได้แล้ว ขี้แย” รอยยิ้มมุมปากเย้ยผมอย่างชั่วร้าย
 

ผมเบี่ยงหน้าหนีเช็ดน้ำตาออก หันหน้ากลับมาให้หล่อที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้เลย เขาหัวเราะลั่น มือเรียวดึงแขนผมขึ้นไปนั่งข้างๆ
 

“แล้วนายอยากไปบ้านพี่เมื่อไหร่ล่ะ”

“ผมกำหนดไว้ 10 วันหลังแต่งงาน ผมจะทำงานเสร็จก่อน”

“แล้วทำไมไม่บอกพี่”

“ตอนแรกก็คิดจะบอก แต่พอรู้ว่าพี่นิสัยแบบนี้ ผมให้พี่คิดไปเองก่อนดีกว่า ฮ่าๆๆ ไม่คิดเหมือนกันว่าจะเกิดอุบัติเหตุ พรุ่งนี้ผมก็ทำงานเสร็จตามแผนที่วางไว้ ก็จะมาบอกพี่อยู่แล้ว”

“เข้าใจแล้วครับ”
 

ใช่ครับ ถ้าเขาบอกผม ผมก็จะรั้งเขาไม่ให้ทำเพื่อผม เพราะผมก็คิดจะทำเพื่อเขาด้วยการอยู่ที่นี่ เขารู้จักผมดีตั้งแต่ก่อนแต่งงานด้วยซ้ำ รู้ว่าใครๆก็อยากกลับบ้านของตัวเอง เขาเลือกจะเสียสละตั้งแต่แรก ผมรู้สึกเสียใจที่ไม่รู้จักเขาไม่ก่อนหน้านี้ แต่ก็รู้สึกดีใจที่ตอนนี้มีเขานั่งอยู่ข้างๆ  มันคงจะใช่อย่างที่ผู้หญิงทุกคนพูด ‘คงเป็นคนที่โชคดีที่สุดที่ได้แต่งงานกับชานยอล’

แล้วไงล่ะ… ปาร์ค ชานยอลเป็นของผม 



 

 

คืนที่ 9

bottom of page