top of page

 

 

18:05  
 

อดทนกัดฟันทำงานมาทั้งวัน ยังไงสะผมก็ต้องเคลียร์งานให้เสร็จ ตามกำหนด วันนี้ไม่ใช่วันหยุด ผมเป็นเจ้านายก็ต้องมาทำงาน ช่วงเช้ายังพอนั่งไหวตกบ่ายปวดจนทั้งตัวไปหมดแทบขยับตัวไม่ได้ กัดฟังทนมาจนถึงเย็น วันนี้ผมเลิกงานช้าเหมือนเดิม

พี่คริสโทรหาผมทั้งวันถามว่าจะให้มารับกลับบ้านหรือป่าว ผมเลยขู่ไปถ้าไม่เลิกงานห้ามมาให้เห็นหน้า -_-; ผมรู้ว่าเขากังวลและห่วงผมมาก แต่ผมไม่ตายจากการมีเซ็กครั้งเดียวหรอกน่า ไร้สาระ เราเลยตกลงกันคนละครึ่งทาง เวลาเลิกงานวันนี้เขาขอมารับ (แต่เมื่อเช้าผมแอบขึ้นแท็กซี่มาเอง) ผมยอม

 

“ท่านรองประธานคะ มีคนขอเข้าพบค่ะ” นาอึนเข้ามายืนในห้องทำงานของผมเพื่อบอกถึงแขกที่มีพบ ผมพยักหน้า เมื่อเธอเดินเข้ามา

“พี่สาว …”

“ชานยอล”
 

ผู้หญิงผอมสูงใบหน้าสวย ที่ผมคุ้นเคยเดินเข้ามานั่งตรงหน้าผม ผมทำตัวไม่ถูกได้แค่นิ่งไว้ เธอมาทำไม ทั้งที่เธอเป็นคนไม่อยากติดต่อกับผมเองตั้งแต่เราเลิกกัน เธอคือแฟนเก่าผมเอง

“มาหาผมทำไมเหรอครับ” ผมเป็นฝ่ายเริ่มก่อน

“พี่มาขอโทษกับสิ่งที่ทำไว้กับเธอ ชานยอล พี่รู้แล้วว่าพี่ผิดไป พี่ไม่น่าจะขอเลิกนาย”

“…” ผมรอฟังต่อไป

“เรากลับมาคบกันได้ไหม ถ้านายเองยังไม่มีใคร?” ช้าไปแล้ว ผมยิ้มในใจ
 

มือผมที่สวมแหวนของเขาอยู่ยกขึ้นมาวางบนโต๊ะด้วยความภูมิใจ ตอนแรกผมไม่เคยใส่ใจกับมันเลย แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมเราถึงต้องใส่แหวนแต่งงาน ความเชื่อที่ควรมีให้กันและกันถูกปฏิญาณไว้ต่อหน้าแหวน
 

“ผมแต่งงานแล้วครับ” เธอดูตกใจเหมือนผมตอบคำถาม ผมสบตากลับไปตรงๆด้วยความจริงใจที่ผมมี

“เป็นไปได้เหรอ นายไม่ได้มีใครนอกจากพี่ ครึ่งปีที่ผ่านมาพี่สาวนายบอกกับพี่ว่านายไม่ได้คบกับใคร”

“พี่สาวผมคงลืมบอกว่าผมมีคู่หมั้นอยู่แล้วล่ะครับ ผมเลือกที่จะแต่งงานกับเขา”

“เธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุด ที่ได้นายไป ยินดีด้วยนะ” เหมือนน้ำตาของเธอตรงหน้าผมร่วงออกจากดวงตา

“ครับ ผมก็อยากให้เขาคิดแบบนั้นเหมือนกัน”

“นายรักเธอมากหรือป่าว?”

 “ผมไม่รู้”

 

 

 

 

ถึงเวลาเลิกงานของแฟนผมแล้ว *-*; ผมรอมาทั้งวัน หลังจากผมตื่นจากการหลับฝันดีในช่วงเช้า ผมกดโทรศัพท์โทรหาเขาอยู่หลายครั้งด้วยความเป็นห่วง แต่ปลายสายจากเขาเย็นชากับผมเหมือนเดิม TT; ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย
 

ผมรีบบึ่งรถทะยานเข้าบริษัทของภรรยาผม จอดฟรีไม่ต้องหยอดเหรียญ ขึ้นลิฟต์มายังชั้นที่ภรรยาผมอยู่ เลขาภรรยาผมเธอก้มต่ำทักทาย ผมยิ้มให้ มือหนึ่งผลักประตูห้องแง้มออก
 

‘นายรักเธอมากหรือป่าว?’

‘ผมไม่รู้’

เสียงของภรรยาผมดังเข้ามาข้างนอกห้อง ผมไม่รู้ว่าเขาคุยเรื่องอะไร กับใคร แต่ร่างกายผมมันไม่กล้าขยับเข้าไปขวางการสนทนานี้ แต่ผมก็ไม่ปล่อยมือจากประตูห้องที่แง้มออกเหมือนกัน

 

 

 

ในห้องทำงาน

ผมไม่ต้องการตอบคำถามอะไรกับเธออีกแล้วต่อจากนี้ สายตาผมมองเธอคนที่ผมเคยคิดว่ารัก อย่างไร้เยื่อใย สายสัมพันธ์ขาดลงตั้งแต่วันที่เธอเลือกที่จะไป มันจบนานแล้ว

“นายไม่ได้รักเธอ!” เธอลุกขึ้นตบโต๊ะเสียงดังใส่หน้าผม ฟู่ …ใครใช้ให้พี่ใช้ความรุนแรงต่อหน้าผมว่ะ -_-; มันจะไม่คุ้มเลย

“ไม่รู้ว่ารักมากไหม”

“นั่นแปลว่าไม่รัก!” บางทีอาการโกรธของผู้หญิงก็แสดงความโง่

“ที่ผมบอกว่าไม่รู้ เพราะผมคิดแบบนั้นจริงๆ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารักไปหรือยัง รักมากไหม? แต่ผมรู้ตัวเองดีว่าผมมั่นคงกับเขา ต่อจากนี้ชีวิตผมจะใช้มันอยู่กับเขา”

“นายจะหลอกตัวเองว่านายรักเขาเพราะการแต่งงาน”

“ไม่ใช่ครับ ผมจะหลอกตัวเองว่าไม่รักเขาขึ้นเรื่อยๆต่างหาก”
 

เพี๊ยะ !!  อา...เจ็บ แรงตบฝ่ามือกระทบหน้าผมอย่างแรง เธอลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะมาดึงตัวผมขึ้น แรงกดเขย่าไหล่ทำให้ผมสั่นไปทั้งตัว “โอ๊ย...หยุดผมเจ็บ!” ผมผลักเธอออก เพี้ยะ!! เธอตบผมอีกครั้ง ผมยืนมองหน้าเธอนิ่ง ผมไม่ได้สนใจเธอมากไปกว่าอาการเจ็บของผมเอง ร่างแทบทรุด วันอะไรของกูว่ะเนี่ย -_-;
 

“ชานยอล” ผมหันหน้าด้วยความเร็วไปมองตามแรงเสียงที่ส่งมา O_o; 

“พี่ครับ” ผมยิ้ม

“ขอโทษนะคะคุณเป็นใคร ขอเวลาส่วนตัวดิฉันคุยธุระกับคุณชานยอลก่อน”

-_-;

“ขอโทษครับ ผมขอแนะนำตัวก่อน ถ้าคุณจะไล่ผมไป ผมก็ยินดี” เขายื่นมือให้เธอ “ผมคริสครับ เป็นสามีของชานยอล” ว้าว…เท่เหมือนกันนะ

เธอหันหน้ามามองผม ผมพยักหน้ารับ แล้วหันไปยิ้มให้กับ เอ่อ...สามี เขารวบเอวผมไปกอดไว้ ลูบหัวผมเบาๆ ผมก็แค่ยืนนิ่ง เธอดูอึ้งจนพูดไม่ออกรวบกระเป๋าที่วางไว้เดินออกไปจากห้องผม พี่คริสไม่มีท่าทีงงกับอาการของเธอที่เขาไม่รู้จัก คำถามไม่ส่งมาให้ผม เขาได้ยินทุกอย่างหมดแล้วสินะ คงรู้ว่าเธอคือใคร
 

“กลับบ้านกันเถอะ”

“อื้ม”

อ่ะ...ผมหยุดตัวเองไว้แล้วค่อยก้าวขาเดิน ฟู่ ผ่อนลมหายใจเบาๆ อิอาการเจ็บมันมาอีกแล้ว พี่คริสยื่นมือมาให้ผมจับไว้ เราจูงมือกันเดินช้าๆออกจากบริษัท

 

 




 

19.59 บนรถ

ชานยอลนั่งเงียบมองไปทางอื่น ผมไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้ ผมต้องทำลายความเงียบที่อึกอัด มือผมกดเปิดเพลงที่ค้างไว้ในรถ -_-; เพลงฮิปพอปกระแทกเข้าหูเสียงดัง เขาปรับเบาะเอนตัวลงนอนแต่ไม่ได้หลับตามองมาที่ผม สายที่มีอารมณ์หลากหลายเสมอ

 

“ปิดเพลงเถอะครับ อยากถามอะไรผมเพิ่มไหม?”

เขารู้…

“เหนื่อยมากไหม?”

“ไม่ครับพักก็หาย”

“ผู้หญิงคนนั้นคือ?”

“คนที่ผมเคยเล่าให้ฟังครับ แต่คนละคนที่ผมหลบเมื่อคืน เธอเป็นคนที่ทำให้ผมอยากแต่งงาน”

“เกิดอะไรขึ้น”

“ผมไม่ได้รักเธอ แค่พยายามจะรัก”

“แล้วพี่ล่ะ”

“ถ้าผมบอกว่าไม่รัก พี่จะไปจากผมไหม?”

“ไม่!” เป็นคำตอบที่ผมไม่ต้องใช้เวลาคิดเลย ผมรู้อยู่แล้วว่าเราจะรักกันมากๆในวันต่อไปแน่นอน

“มั่นใจไปนะ ฮ่าๆๆ”

ไอ้ตัวแสบยันตัวขึ้นมาเปิดที่ใส่ของหน้ารถออก ควานหาของบางอย่าง -_-;

“บุหรี่ไปไหน! หมากฝรั่งด้วย”

“ทิ้งไปแล้ว”

“จอดรถ!”

“ทำไมต้องจอด -_-; ไม่ลงไปซื้อให้ ห้ามคลานลงไปซื้อกลับบ้าน โอเค๊?”
 

แล้วเขาก็นั่งเงียบเหมือนคนเป็นใบ้ตลอดทางไม่คุยกับผมอีก ผมถามอะไรไปก็ไม่ตอบ เหมือนเด็กเอาแต่ใจเหมือนกันนะ ผมยิ้มให้กับอาการที่เขาแสดงความไม่พอใจ ผมรู้สึกดีที่เขาแสดงความรู้สึกออกตรงๆ
 

พลั๊ก ! เท้าเรียวยกสองขาขึ้นมาพาดหน้ารถ เบนหัวตะแคงไปด้านข้าง เพื่อหนีผม เอ่อ…

-O-;

รถเรามาจอดที่หน้าบ้าน ผมเปิดประตูรถเดินลงมา แต่ภรรยาผมยังอยู่ที่เดิมไม่กระดิกตัวไปไหน -_-; ก๊อกๆ ...ผมเคาะกระจกรถเบาๆ ไม่เปิด ก๊อกๆ ...ไม่เปิด -_-;

ผมกดคอนโทลปลายนิ้ว เพื่อเปิดประตูรถออก

“ลงมา!!”
 

ไม่มีเสียงตอบกลับหรือการตอบรับกับคำสั่งของผมใดๆทั้งสิ้น ไอ้สายตาที่ไร้ความรู้สึกที่ส่งมาให้ผมผ่านดวงตากลมโต มันทำให้ผมรู้สึกโกรธขึ้นมาสะเอง ผมบอกตัวเองให้ใจเย็นๆ ยืนรออยู่เกือบสามนาที เพราะไม่อยากใช้กำลังฉุดแขนให้ลงมาจากรถ ผมทำกับเขามามากเกินพอแล้ว ฟู่ …  เย็นไว้ ทำไมถึงมีความสามารถเรื่องกวนตีนคนอื่นจังว่ะ แม่ง เมียกู!
 

ผมหันหลังกลับไปมอง ไฟที่ถนนมืดสนิทหมดแล้วตอนนี้ ยังไงสะผมก็ต้องนำภรรยาเข้าบ้าน เขายังไม่ได้ทานข้าวเย็น ผมเป็นห่วง

“พอแล้วชานยอล เข้าบ้านกันเถอะ”

เขาลุกออกมาจากรถอย่างง่ายดาย เห...ผมยิ้มเอ็นดูเขาจากใจ
 

“แลกกับเซ็กครั้งหนึ่ง ซื้อบุหรี่มาแลกตัวผมซองหนึ่งเด่” เหมือนสติผมขาด ผึ่ง! อ้ามือเต็มแรง ผมอยากคนตรงหน้าสุดกำลังกับสิ่งที่เขาพูดออกมา …แต่เมื่อปะทะสายตาของเขาผมหยุด สายตานั้นบอกผมว่า มันไม่ใช่ตัวเขาที่เป็นแบบนี้ เหมือนที่เขาพยายามจะปิดบังผมเมื่อคืน
 

              แววตาโกรธเปลี่ยนเป็นมุมปากที่มีรอยยิ้มให้คนตรงหน้า รวบตัวเข้ามากอดแนบอกด้วยความหวงแหนและ …รักใคร่
 

“อย่าแสดงอะไรอีกเลยนะ มันไม่ใช่ตัวนายหรอก”

สองแขนกระชับแรงกอดตอบผมมาแนบแน่น “ขอบคุณมากครับ พี่เข้าใจผมแล้ว”

“อืม ก็เมียของพี่นิ” มือผมลูบหัวเบาๆ เขาผละตัวออกมายิ้มกว้าง

“พี่ครับ ขี่หลังหน่อย” ตัวแสบลูบต้นคอตัวเองเขินๆ ผมยิ้มให้ แน่ล่ะ ความอดทนของนายถึงขีดสุดแล้ว ผมหันหลังให้แล้วย่อตัวคุกเข่าลง แขนเรียวเล็กโอบรอบคอผม มือผมจับเรียวขามั่นไว้แล้วลุกขึ้น เดินเข้าบ้านของเรา

 

 

 

 

22.30 ห้องนอน

ผมค่อยๆวางร่างภรรยาของผมลงที่เตียงเบาๆ และนั่งข้างๆ เอื้อมมือโอบรอบต้นคอไว้ดันหลังให้ยกขึ้น เพื่อถอดสูทออกให้ พาดสูทวางไว้แล้วปลดกระดุมเสื้อเชิตสีขาวออก รอยเขียวช้ำบนตัวเขาที่ผมไม่ทันสังเกตตอนเช้าปรากฏขึ้นชัดเจน  ไล่นิ้วลงไปลูบมันเบาๆด้วยความรู้สึกขอบคุณที่ยอมเพื่อให้ผมมีความสุข ผมก้มหน้าลงไป หน้าผากเราแตะกันไว้ มือสอดประสานกันกันทุกนิ้วกดข้อมือเรียวสวยไว้กับหมอนนุ่ม
 

“คิส…”

“หืม?”
 

นิ้วเรียวสวยแตะที่ขอบปากตัวเองและยื่นมาแตะที่ขอบปากผม เราประกบจูบเข้าหากัน กลีบปากปากแตะมาส่งสัมผัสที่นุ่มนวลหอมหวานมากกว่าครั้งไหน แรงขยี้เบาๆหยอกเย้ากลีบปากผมให้รู้สึกอบอุ่น สัมผัสปลายลิ้นเราไม่ได้ยั่วยุอารมณ์ทางเพศของกันและกัน มันกลับดูดกลืนกันได้อย่างดี เราจูบกันช้าๆค่อยเป็นค่อยไปและเนิ่นนาน เพิ่มเติมสิ่งที่ขาดหายให้กันและกัน ผมที่อยากขอบคุณและขอโทษ ‘ชานยอลต่อจากนี้พี่จะทำให้ดีที่สุดเพื่อนาย’ เกือบ 10 นาทีที่ประมาณได้ เราผละจูบออกจากัน

“นอนสะ พี่ไปทำอาหารไว้ให้นะ”

“หิวเหรอครับ งั้นผมไปทำให้ก่อนก็ได้”

“ป่าวๆ พี่ไม่ได้หิว” เอาอีกแล้ว -_-;

“งั้นอย่าไปไหนนะ”
 

สองแขนโอบไหล่ผมเข้าหาตัว ซุกหน้าสวยหวานเข้ามาที่อก ผมล้มตัวลงนอนข้างๆแล้วกอดไว้ คนในอ้อมแขนของผมหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย ‘พักนะคนดีของพี่ พี่จะอยู่ข้างๆนายเสมอ’

 

 

 

04.00 ตื่นมาทำไมเวลานี้ -_-;

คนในอ้อมแขนของผมยังไม่ตื่นขึ้นมา ซุกตัวเข้าอกผมสะแนบชิด มือกำเสื้อผมไว้แน่นเหมือนกลัวผมจะหายไป ผมจูบหน้าผากด้วยความเอ็นดู ผมต่างหากที่กลัวเขาจะหายไปจากผม ผมหยุดอยู่ที่เขาแล้ว หลับต่อดีกว่าเมียน่ารักขนาดนี้ >/<;

 


 

รอยยิ้มของคนในอ้อมกอดก็ผุดขึ้นมุมปาก…



 

 

คืนที่ 7

bottom of page