top of page

กฎข้อที่ 8 เงาตกกระทบ


 

            “คริส ตื่น!!! ตื่นๆๆๆ ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ!”
 

            ความงัวเงียทำให้ภาพตรงหน้าผมเบลอไปหมด ใครนะชั่งกล้าปลุก อยากโดนไล่ออกหรือไงห๊า!! ว่าแล้วก็มุดผ้าห่มเข้าไปอีกรอบดีกว่า ไม่เอา ยังไม่อยากตื่นอ่า…
 

            “คริส ถ้านายไม่ตื่นขึ้นมาตอนนี้ จะไม่พูดด้วยสามวันนะ”

            ไม่พูดก็อย่าพูดดิ เป็นใครถึงกล้ามาขู่คนอย่างอี๋ฟาน -_-;

            “เอ้อ ตกลงตามนี้ คนอย่างปาร์ค ชานยอล พูดคำไหนคำนั้น!”
 

            O_O; เห้ …อะไรนะ ชานยอลเหรอ? เฮ้ย ผมเด้งตัวขึ้นจากที่นอน ลุกไปขวางเขาไว้ทันที ทำไมไม่บอกผมล่ะว่าเขา โถ่ ผิดที่เขาเองนะเนี่ย -_-; (ใช่เหรอเฮีย? -_-;)
 

            “ชานยอล ตื่นแล้วนะ ตื่นแล้วจริงๆ ดูๆ” ผมยิ้มอ้อน น่ารักใส่เขา รวบสองมือเขามาจับใบหน้าผม

            “เวรนายทำความสะอาด ออกไปซื้อของ ทำไมตื่นสายล่ะ หืม?”

            “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ตื่นแล้วนี่ไง แป๊บนึงนะ” ผมโน้มตัวจุ๊บหน้าผากเขาเบาๆ ^^; กำลังใจตอนเช้าก่อนทำงาน เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร ตอนนี้เราอยู่ด้วยกันมาสองเดือนแล้ว เขาไม่ถอยห่างออกไปเมื่อผมอยากกอด หรือยอมให้ผมจูบบ้าง เมื่อผมทำตัวน่ารักใส่เขา เราเหมือนแฟนกันไปทุกที แต่เขาก็ยังไม่ยอมตกลงอะไรกับผมให้แน่นอน ผมรู้ตอนนี้เองเวลาที่ผมไม่มั่นคงกับคนอื่น พวกเขารู้สึกยังไง การทำให้ใครซักคนยอมรับความรู้สึกที่เรามันยากจริงๆ เราจะรู้ก็ตอนที่เราเจอคนที่ใช่แล้วเท่านั้น
 

            ตอนนี้เราทั้งคู่มีงานพาร์ททำกันแล้ว เวลาตรงกันบ้างไม่ตรงบ้าง แต่ทุกวันหยุดเราจะทำความสะอาดห้องร่วมกัน เวรวันแรกคือของผม และวันหยุดที่สองเป็นของเขา ออกมาจากห้องผมต้องถือขยะลงมาด้วย แล้วรายการของในห้องเรา พวกของใช้ต่างๆเล็กๆน้อยๆ ก็ต้องซื้อเข้าไปด้วย ถ้าเป็นของใช้ส่วนตัวเราจะนัดกันไปซื้อของต่างๆพร้อมกันเพื่อความประหยัดค่าใช้จ่าย อยู่ด้วยกันก็ใช้ด้วยกัน อะไรที่ต้องการซื้อเขาขอให้ผมบอกเขาก่อนเพราะบางอย่างผมคิดว่าจำเป็นแต่เขาบอกว่าไม่ ถ้าผมอยากได้มากๆเขาจะยอมในบางเรื่องเท่านั้น เงินเดือนจากการทำงานของผม สามารถใช้พอในแต่ละเดือน ใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบาย เสื้อผ้าแฟชั่นต่างๆ ผมค่อยๆลดลงบ้าง ชานยอลไม่ได้ห้ามอะไรผมเลยในสิ่งที่ผมชอบ อยากซื้อก็ให้ซื้อ แต่เขาบอกให้ผมคำนวณเงินและทำงานเพิ่ม ผมรู้จักเก็บเงิน และมีเงินเก็บ เหลือเชื่อจริงๆ -O-;
 

ผมหวนนึกไปตอนที่ผมยังอยู่บ้าน เงินเดือนแค่นี้ไม่พอค่าอาหารของผมในแต่ละวันด้วยซ้ำ อยากได้อะไรผมก็แค่สั่ง เงินในบัญชีแม่ผมเอาเข้าไว้ให้อยู่แล้ว จะต้องทำเรื่องพวกนี้ไปทำไม ผมไม่เคยเข้าใจพวกพนักงานเลยว่าอยากได้เงินอะไรกันหนักหนา ทำงานอะไรกันมากมายขนาดนั้น แต่ตอนนี้ผมมองพวกเขาเปลี่ยนไป เงินเป็นปัจจัยการใช้ชีวิตเมื่อเราหาเอง แต่การทำงานมันคือความรับผิดชอบที่เราทุกคนควรจะมี มันคือการใช้ชีวิตอย่างแท้จริง ถ้าผมไม่เจอเขา ผมก็หาตัวเองไม่เจอเหมือนกัน ถ้าผมกลับไปหาแม่ตอนนี้ ผมว่าผมพร้อมแล้ว
 

‘แต่ยังไม่กลับดีกว่า ทันทีที่ผมกลับ ผมก็จะต้องแยกกับเขา T^T;’

 

 

 




 

 

///

‘ทำไมไปนานจังนะ’
 

วันนี้เป็นเวรทำความสะอาดของหมอนั่น แต่เขาตื่นสาย แถมไปซื้อของนานเกินไปแล้ว สามชม.ที่ผมรอ ผมทำความสะอาดห้อง จัดผู้ปูที่นอนปลอกหมอน เอาผ้าไปซัก เขาก็ยังไม่กลับมา แอบอู้ไปไหนอีกเนี่ย -_-;

เตียงของผมเต็มไปด้วยหนังสือที่เราอ่านด้วยกันทุกคืน ถกเถียงกันไปมาในเรื่องที่ตัวเองรับรู้ข้อมูลมามากกว่า พูดจาเรื่องที่มีสาระและเคร่งเคียดใส่กัน และเราก็ทะเลาะกันบ่อยครั้ง ในเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ อี๋ฟาน เป็นคนมีความสามารถรอบตัวอย่างที่แม่เขาอยากให้เป็น แต่เขาขาดความเด็ดขาดและเข้มแข็งเหมือนพี่ชาย เขาด้อยกว่ามากในเรื่องนี้ แต่เล่ห์เหลี่ยมก็พอๆกัน
 

            ผมไม่ได้นอนที่ห้องตัวเองเดือนกว่าแล้ว เรานอนด้วยกันทุกคืน ถึงแม้เราจะทะเลาะกันหลังอ่านหนังสือเสร็จ เราจะนอนนิ่งๆไม่คุยกัน ไม่หันหน้าไปหากัน บางครั้งเขาเอาเท้ามาถีบผมให้ไปไกลๆ อย่างไม่ยอมแพ้ ฮ่าๆ นิสัยเขาเอาแต่ใจจริงๆ แต่สุดท้ายตอนเช้าเขาก็เป็นฝ่ายมาดีกับผมเอง ผมรู้จากอาการที่เขาแสดงออก ทั้งดึงผมเข้าไปกอดบ้าง จุ๊บหน้าผากผมบ้าง หนักเข้าถ้าผมไม่คุยด้วย เพราะผมเป็นฝ่ายโกรธ เขาจะจูบผม
 

            ‘เขาอยู่ในชีวิตประจำวันของผม ในทุกเรื่อง’

            “จะเที่ยงแล้วยังไม่กลับมาอีก อู้จริงๆใช่ไหมอี๋ฟาน -_-;”

           
 

            “ชานยอลลล ชั้นกลับมาแล้ว”
 

            มาจนได้ หึ่ย ผมเดินออกมาจากห้องไปหาเขา ทำไมมาช้าขนาดนี้ขอเหตุผลดีๆด้วยล่ะ รอตั้งนาน หิวมากๆเลย หมอนี่ไม่เคยห่วงผมเลยสิน่า -_-;
 

            O_O; เฮ่ย! ภาพที่ผมเห็น ผมของหมอนี่เปลี่ยนเป็นสีบลอนด์สว่างทั้งหัวเลยครับ ที่แท้หนีผมไปเสริมหล่อมางั้นเหรอ
 

            “ชอบผมสีนี้ไหม”
 

            ผมตีหน้าตาย ขอกินข้าวเช้าก่อนได้ไหมจะตอบคำถาม -_-;
 

            “ไม่ชอบเหรอ เสียงความมั่นใจนะเนี่ยทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”

            “ชอบ แต่หิว”

            “ซื้อมาให้แล้วครับ โอ๋ๆ มากินด้วยกันนะ”
 

            เขาดึงต้นคอผมลากเข้าอ้อมแขน กอดผมไปกินข้าวเช้าที่ให้ผมรอไปเกือบสี่ชม.ห่วงหล่อจนลืมกันไปเลยนะ ผมจ้ำตะเกียบกระแทกลงบนถ้วยบะหมี่หน้ามุ่ยใส่เขา เขาลูบหัวผมเบาๆ จะว่าไป ผมสีนี้เหมาะกับบุคลิกแบบเขามากกว่าผมสีเดิม สีดำเหมือนกาแฟเข้มหอมๆเหมาะกับพี่ชายเขามากกว่า  แบบนี้ก็ดีผมสังเกตได้ง่ายในระยะไกล ^^;
 

            “ยังไม่หายโกรธเหรอ ไม่พูดอะไรเลย”

            “ป่าวไม่ได้โกรธหรอก”

            “จริงนะ ไม่โกรธจริงนะ”

            “อื้ม นี่คริส ถ้านายมีพี่ชายฝาแฝดนายจะรู้สึกยังไงเหรอ”

            “ไม่เอาอ่ะ ชั้นจะรู้สึกว่าบนโลกใบนี้มีคนหล่อเหมือนตัวเองเพิ่มขึ้น ไม่เอาเด็ดขาด ถ้านายเจอหมอนั่นก่อนชั้น นายไปชอบเขาให้ชั้นทำยังไงล่ะ ไม่เอาๆ”
 

            เหอะๆ ไอ้เรื่องรักษาความหล่อนี่ยกให้เลย เฮ้อ -_-;
 

            “ถ้าชั้นชอบพี่ชายนายมากกว่านายล่ะ”

            “ชั้นก๊อกหักไง -_-; แต่ชั้นไม่มีพี่ชายฝาแฝดนิ ฮ่าๆๆ”
 

            นายมี … แต่ชั้นชอบพวกนายพอๆกันเลย ถึงความรู้สึกชั้นจะเอียงไปทางพี่ชายนายมากกว่า แต่ความสำคัญชั้นให้นายมากกว่านะ ก็อยู่กันไปแบบนี้แหละ จนกว่าพวกนายจะไปจากชีวิตชั้นล่ะกัน หรือจนกว่าชั้นจะรักใครในพวกนายซักคน พวกนายซวยไปนะที่มาชอบชั้น
 

            ช่วงบ่าย  เขานั่งพิงหลังของผมอ่านหนังสือ ผมหยิบกีตาร์มาเล่นจับคอส C ดีดสลับสายไปมา แล้วเปลี่ยนเป็นดนตรีอคูสติกช้าๆ เป็นทำนองให้เขาอ่านหนังสือ เราแอบมองกันบ้าง ปะทะสายตากันบ้าง แต่ก็ไม่ได้มีบทสนทนากันอีก ความเงียบคลอกับเสียงดนตรีครอบคลุมบรรยากาศของเราช่วงเวลานี้ทั้งหมด
 

            ผมวางกีตาร์ไว้เพราะนิ้วเริ่มชาแล้ว ฟุ๊บ…หนังสือปิดวางไว้ข้างๆกีตาร์ เขาเบี่ยงตัวมานอนหนุนตักผม ผมสีสว่างเขาเข้ากับแสงแดดยามเย็นที่ส่องมา ใบหน้าหล่อเหลาหลับตาพริ้มให้ผมลูบหัวเบาๆ  ผมรู้สึกเมื่อยหลังเพราะนั่งเล่นกีตาร์มานาน จึงค่อยๆประครองหัวเขายกขึ้น วางลงบนพื้นห้องอย่างนิ่มนวล แล้วทิ้งตัวลงนอนข้างๆ การนอนข้างกันของเราตอนนี้มันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว หมอนี่กวาดวงแขนขึ้นให้ผมหนุน แต่ไม่เอาดีกว่า เขาจะเมื่อยถ้าผมเผลอหลับไป
 

            “ชานยอล”

            “หืม?”
 

            เขายันตัวขึ้นมาคร่อมผมไว้ แล้วประครองหัวผมไว้ในอ้อมกอดเขา ยกเบาๆวางลงที่อ้อมแขน รอยยิ้มหวานของผมส่งให้เขาอย่างจริงใจ ว้าว หมอนี่น่ารักจัง มือเขาลูบแก้มผมไปมาคลอเคลียเบาๆจนผมรู้สึกว่าตัวเองใบหน้าร้อนผ่าว ระยะห่างใบหน้าเราตอนนี้ เพียงแค่ปากของเราเท่านั้นที่ยังไม่ประกบเข้าหากัน เงาที่แสงสีส้มยามเย็นตกกระทบใบหน้าของเราทั้งคู่ สายตาของเราจับจ้องกันและกัน ช่วงอึดใจ ผมโอบแขนรอบคอเขาแล้วยอมเผยปากออกน้อยๆ ให้เขาประกบปากเข้ามา เราเริ่มจูบกัน กลีบปากของผมโดยบดขยี้อย่างนุ่มนวล แต่ปลายลิ้นที่สอดเข้ามาด้านในกลับแตกต่างมันเร่าร้อน หนักหน่วงแสดงถึงความต้องการอย่างชัดเจน ท่อนแขนทั้งสองข้างเขาโอบรักรอบเอวผมไว้แน่น กดตัวให้ผมนอนราบด้านล่างติดพื้น เบียดร่างกายมาแนบชิดทุกส่วน ผมรู้สึกได้ระหว่างขาผมโดนขาเขาเบียดแทรกเข้ามา แต่เราก็ไม่ได้ผละจูบออกจากกัน เมื่อแรงอารมณ์เรามีมากขึ้น ความต้องการทางร่างกายเราก็แสดงออกชัดเจน ปลายลิ้นเราดูดและดึงกันจนลมหายใจแทบขาดหายไปในบางช่วง น้ำใสๆแตกจากปลายลิ้นไหลออกจากปากเราทั้งคู่ ปากเราถึงผละออกจากกัน
 

            ลมหายใจอุ่นๆเราสาดรดกันไปมาจากแรงหอบหายใจเอาอากาศเข้าไป ใบหน้าหล่อสบตาคมมาปะทะดวงตาผม เงาสะท้อนของผมอยู่ในดวงตาของเขา เขาก็คงเห็นตัวเองในตาผมเหมือนกัน ตาสายคมนั้นหลุบลงต่ำทันที มือเขารวบตัวผมขึ้นแล้วถอดเสื้อยืดผมออก แสงสีส้มสาดแสงสุดท้ายของวันกระทบร่างกายท่อนบนของผมที่เปลือยเปล่า เขาหยุดมอง ผมเบนหน้าหนี ตอนนี้ผมถามตัวเองว่าผมยังต้องการอยู่ไหม คำตอบคือไม่ ผมยังไม่ต้องการ ผมยันตัวเองลุกขึ้น โถมตัวเข้าไปกอดเข้าไว้ วงแขนผมที่กระชับรอบคอของเขา ผมไม่อยากให้เขารู้สึกว่าผมรังเกียจ มันไม่ใช่แบบนั้น แนบหน้าแล้วบอกในสิ่งที่ผมเป็น
 

            “อย่าเพิ่งได้ไหมคริส”

            “…”
 

            เขากอดตอบมา และลูบมือลงแผ่นหลังของผม เรากอดกันซักพัก เขาปล่อยผมออก ตอนนี้แสงสว่างของดวงอาทิตย์หายไปแล้ว เรามองหน้ากันผ่านแสงไฟที่สาดเข้ามาแทน
 

            “ยังไม่คิดจะทำหรอก ถ้านายไม่ตกลงคบกับชั้น รอนะ รอให้ชั้นพิสูจน์ตัวเองให้นายดู”

รอยยิ้มของเขาอบอุ่นไม่ต่างจากแสงอาทิตย์ที่จางหายไปเมื่อครู่เลย ‘ขอบคุณมากนะ’

















 

 

 

 

bottom of page