top of page

กฎข้อที่ 6 สะท้อน

 

            “ป๊อก!...ป๊อก!...ป๊อก!...เดินมาตรงนี้!!”
 

            อี๋ฟานที่โดนผมปิดตาไว้ ควานมือหาทางเดินมาตามเสียงที่ผมเคาะให้สัญญาณ นี่ไม่ใช่การกลั่นแกล้งหรอกครับ มันคือการแกแค้นต่างหาก หมอนี่ต้องยอมแต่โดนดี เพราะสิ่งที่เขาทำกับผมเมื่อคืน มันต้องโดนสะบ้าง มีอย่างที่ไหนคิสมาร์คไว้รอบคอผมจนแดงเถือกไปหมด
 

            จงอินเพื่อนของผมเห็นรอยมันชัดเจนจนเข้าใจผิดขอตัวกลับไปอยู่บ้านชั่วคราวเพราะคิดว่ารบกวนผมมากเกินไป ผมเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาเข้าใจผิดครั้งนี้ด้วย ที่เข้าไปนอนกับหมอนี่เพราะอยากให้เพื่อนผมมีความเป็นส่วนตัว คิดเรื่องราวต่างๆให้ใจเย็นลง เพื่อนผมเลยคิดไปไกลเลยคราวนี้ -_-;
 

            “เร็วๆสิ อย่าช้า เร็วเว้ย เร็วเลย !!” ผมเร่งเสียงดัง ย้ายที่ไปมาให้เขาเดินชนโน้นนี่นั่นในห้องเต็มไปหมด

            “อ่า…ชานยอลอ่า…ขอโทษ”
 

            ผมแอบยิ้มให้กับความน่ารักของเขา จะหัวเราะออกมาก็ไม่กล้าออกเสียง ขออีกนิดล่ะกันนะ
 

            ป๊อก!ป๊อก!...ป๊อก!...ป๊อก!... “ตรงนี้เร็ว!” แต่ผมไม่เดินหนีไปไหน

“นี่ไงมาถึงแล้ว ใช่ไหม! นี่ๆ…ไง ตัวนาย”
 

เขาคลำมือที่ใบหน้าผม คงรู้แล้วว่าผมยิ้มให้เขาอยู่ ใครจะไปคิดว่านายน้อยของบ้านจะยอมผมขนาดนี้ ฮ่าๆๆๆ ผมจับไหล่เขาสองข้างให้ผลักตัวให้เดินมาหน้าเก้าอี้บุนวมสีแดงตัวใหญ่ของผม แล้วหยุดมองวิวตอนเช้าด้านนอก อ้อมหลังแล้วปลดผ้าออกจากดวงตาให้ โอบรอบไหล่เข้าไว้ทั้งสองมือ

 

“วิวสวยนะ”

“อ่า…หายโกรธแล้วเหรอ”

“ไม่ได้โกรธตั้งแต่แรกแล้วล่ะ” ผมยิ้มมุมปากให้เขารู้ว่าผมแกล้งเขาเท่านั้น

“งั้นขอจูบอีกครั้งสิ”
 

เขาหันหน้ามาหาผม ว้าว หมอนี่คงคิดว่าผมหลงเส่นห์เขาไปสะแล้ว ฮ่าๆๆๆ ถ้าใจง่ายขนาดนั้น คงไม่โสดมาถึงตอนนี้หรอกครับ อู๋ อี๋ฟาน เอาเหอะผมเปลืองจูบให้พี่ชายเขามาสองครั้งแล้ว  หมอนี่ชอบคนบอกง่าย และตามใจเขา ผมจะให้เขาอีกครั้ง มันจะเท่ากับพี่ชายเขาพอดี
 

“เอาสิ แต่ขออะไรอย่างหนึ่งนะ”

“ได้ทุกอย่าง”
 

ใกล้ตัวผมไม่มีอะไรเลย นอกจากปากกด้ามเดียวที่วางอยู่บนโต๊ะ รอยยิ้มผุดขึ้นมุมปากผม เจ้านี่แหละ
 

“อ่า…”

ผมขวางปากกาไว้ที่ริมฝีปากปาก ยื่นหน้าไปให้เขา  เอาสินายจะใช้ลิ้นได้ยังไงอี๋ฟาน

“เห้…โกงนิ”
 

ผมหลับตายื่นหน้ารอ ไม่ถึงสามวิ เขากดจูบลงที่ปากผมจริงๆ เขาประครองหัวของผมให้เราเอียงหน้ารับกันพอดี  จูบของหมอนี่เหมือนศิปะบนรูปวาดสีน้ำมันที่ค่อยๆสลัดแปรงป้ายลงบนภาพ กลีบปากบนผมถูกกดดุนอย่างหนักหน่วงสลับกับปลายปากล่างเขาใช้ลิ้นดุนไล่ปากกกาออกจากปากผมเรื่อยๆ เกมส์นี้เขาไม่ได้ครองมันไว้คนเดียวหรอกนะ มือผมขยุ้มกลุ่มผมเขาไว้แล้วจับหน้าเขาให้เอนลง มือรับน้ำหนักไหล่เขาไว้ทั้งสองแขน ละปากคายปากกาออก เบี่ยงตัวโน้มไปจูบเขาเอง เขาก็ไม่ต่างอะไรจากเจ้าหญิงในอ้อมแขนของผมสะแล้ว
 

จูบที่ผมเดินเกมส์เอง ปากเราแตะกันช้าๆนานเนิบแต่การบดขยี้ของมันก็เร่าร้อน ลิ้นเราแลกและไล่ต้อนกันอย่างดูดดื่ม ความรู้สึกดีเข้าครอบนำเราทั้งสองคนจนไม่อยากละมันออก แต่ในที่สุดการเรียกร้องอากาศจากช่องท้องก็บอกเราทั้งคู่ว่าพอแล้ว ผมละปากออก ผมดึงตัวเขาขึ้นจากอ้อมแขน แล้วจับเสื้อให้เขาให้เข้าที่เหมือนเดิม ยืนอยู่ตรงหน้าเขา เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
 

เขามองผมเหมือนรับรู้สิ่งใหม่ๆที่เขาเองไม่เคยเจอ ^^; ก็นะ อีกเยอะ อี๋ฟาน
 

“นายไปทำงานร้านกาแฟได้แล้วนะ ขอพี่เจ้าของร้านให้แล้ว”

“เอ้อ อืม …เอ่อ ชานยอล”

“หือ?”

“เรามาคบกันไหม”

“ไม่”

“ชั้นไม่ดีพอเหรอ หรือเรื่องแฟนของชั้น”

“เราไม่ได้รักกัน ชั้นไม่สนหรอกว่านายมีแฟนไหม ถ้ารักก็คบ แต่ตอนนี้ยังไม่รัก อี๋ฟาน นายยังไม่รู้จักชั้นดีหรอกนะ เราเป็นเพื่อนกันไปก่อนเถอะ”

“ชั้นจะทำทุกอย่างให้นายรักชั้น คอยดู!”

“…” ควรตอบว่าไงดี เงียบล่ะกัน

 

 

 

บ่ายวันนี้ผมเลยต้องสอนงานต่างๆให้เขา หมอนี่เรียนรู้ได้ดี และทำทุกอย่างที่ผมค่อยๆสอน เขาไม่เหมือนคนแรกที่ผมเจออีกแล้ว คนที่ทำอะไรไม่เป็นเลย เดือนเดียวที่ผมพยายามเปลี่ยนเขาเรื่อยๆจากการบังคับ อ้อน และหาข้อแลกเปลี่ยนเป็นผลสำเร็จจริงๆ เขาทำทุกอย่างได้ นายน้อยคนนั้นเริ่มออกจากร่างเขาไปเกือบหมดแล้ว ยกเว้นนิสัยส่วนตัว
 

“คริส นายไปเสิร์ฟนะ” รุ่นพี่ในร้านบอกเขา รูปร่างหน้าตาเขาจะให้เขาทำหน้าที่นี้ได้ดี แต่นิสัยเขานี่สิ มันจะไหวไหม? -_-;
 

“ยินดีต้อนรับครับ เชิญครับ”

“นี่เมนูที่คุณสั่งครับ”

“ขอบคุณที่อุดหนุนนะครับ”
 

ว้าว …ทำได้แหะ! ยอดเยี่ยมไปเลย

ผมยืนยิ้มให้กำลังใจเขาอยู่ เขาเสิร์ฟแขกของเราอยู่ข้างนอก ผู้หญิงในร้านเหมือนใช้เวลานั่งดื่มกาแฟนานกว่าเดิม พวกเธอต่างมองมาที่เขาเป็นสายตาเดียว อ่า…มันทำให้ผมคิดว่าตัวผมไม่หล่อไปเลยแหะ TT;
 

(((ครื๊ด)))) โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงผมสั่น ผมมองดูสายเข้า
 

“ผมขอตัวแป๊บนะครับ”

สายนี้ผมต้องคุยด่วน และเป็นการคุยโทรศัพท์เป็นการส่วนตัว

“ครับพ่อ”

“พ่ออยากให้แกไปประชุมแทนหน่อย กับผู้ร่วมธุรกิจรายสำคัญ แต่พ่อออกตัวเองไม่ได้”

“ที่ไหนครับ บอกมาได้เลย”

“ค่ำวันนี้ สามทุ่มตรง พ่อจะให้คนเอารถไปให้ แล้วรายละเอียดจะอยู่ในกระเป๋าที่ไปกับรถ”

“ครับ พ่อครับ รักษาสุขภาพนะ”

“แกด้วยนะ ลูกรัก”

“ครับ”
 

สายตัดไปแล้ว ไม่บ่อยที่ผมจะได้ทำงานอะไรแบบนี้แทนพ่อของผม แสดงว่าครั้งนี้เป็นงานสำคัญจริงๆ และเป็นงานหลังฉาก พ่อถึงออกตัวไปเองไม่ได้ เขาเป็นใครกันนะ เอาเป็นว่าคืนนี้ผมต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุดก็พอแล้ว

 

 



 

หน้าร้าน

“ไปไหนมาอ่ะ”

“คุยโทรศัพท์กับพ่อน่ะ”

อี๋ฟานมองหน้าผม สีหน้าเขากังวลออกมาชัดเจน

“พ่อนายอยากให้นายกลับบ้านเหรอ”

“แค่พ่อโทรหาลูกปกติ ไม่มีอะไร” ผมยิ้มกว้างให้เขา มือตบไหล่เบาๆ เขาดึงผมเข้าไปกอดไว้แน่น อ่า…ผมเอ็นดูหมอนี่จัง ผมก็กอดเขาไว้บังคับให้ตัวเขาโยกไปโยกมาตามผม เราสองคนยิ้มให้กันอารมณ์ดี ^^;
 

“ไม่อยากกลับไปหาแม่เหรอ”

“อยู่ในช่วงพักผ่อน ยังไม่อยากหรอก”

“โทรหาแม่นายบ้างนะ เป็นห่วงแย่แล้ว”

“โทรไม่ได้ -_-;”

“ฮ่าๆๆๆๆๆ”
 

ผมระเบิดขำที่เขาตอบผมตามตรงครั้งแรก นั่นสินะถ้าเขาโทร แม่เขาจะรู้ที่อยู่ทันที ผมไม่อยากถามอะไรต่อในสิ่งที่ผมรู้ทั้งหมด รอให้เขาอยากบอกอะไรผมเฉพาะเขาอยากเล่าให้ฟังก็พอ
 

“จะกอดกันอีกนานไหมคู่นั้น แขกเต็มร้าน!”

เสียงรุ่นพี่พนักงานดังขึ้น เราผละตัวออกจากกัน แล้วเดินออกมาหน้าร้าน  เอ๊ะเดี๋ยว นั่น…เควิน เขากำลังจะเข้ามาในร้าน

“คริส หามือถือในกระเป๋าให้หน่อย แล้วค่อยตามออกมานะ” ผมยัดกระเป๋าผมใส่มือเขา แล้ววิ่งออกไปนอกร้านให้เร็วที่สุด

 

 

“ตามผมมา”

ผมลากแขนเควินให้หลบมุมร้านแล้วเดินเบี่ยงหนีกระจกหน้าร้านออกมา เขาเดินตามผมมาเงียบๆ เขาคงรู้ว่าผมมีเหตุผลที่ต้องทำ ผมชอบเขาจัง นิสัยของเขาเข้าใจง่ายดี ไม่ตั้งคำถามอะไรเยอะ
 

“อี๋ฟานมาทำงานร้านกาแฟแล้วนะ”

“…”

 เขาอึ้งในสิ่งที่ผมบอก ดวงตาเขาเบิกกว้างมองมาที่ผมเหมือนไม่เชื่อเรื่องนี้ ผมพยักหน้าให้อีกครั้ง

“เป็นความจริงครับ”

“งั้นก็ดีแล้ว ฝากเขาด้วยนะ”

“อื้ม”

“ขอตัวไปทำงานก่อนนะ ยังไม่ถึงเวลาพัก”

“เดี๋ยวสิ”

ผมหันไปมอง เขาดึงผมเข้าไปกอด -__-; เหมือนที่น้องเขาทำไม่มีผิด ผมตบหลังเขาเบาๆ เฮ้อ …สองคนนี้อะไรกับผมนักนะ

“คิดถึงนะ ไปล่ะ”

O_o;

 

 

 

 

 

 

///

ชานยอลไปไหนนะ ในกระเป๋าที่เขาให้ผมหาไม่เห็นจะมีมือถืออยู่เลย เมื่อกี้ผมตกใจไปเหมือนกัน คิดว่าครอบครัวของเขาอยากให้เขากลับบ้านสะแล้ว เพราะตลอดเดือนหนึ่งที่ผมอยู่กับเขามา ครอบครัวไม่เคยเขาไม่เคยติดต่อมาหาเขาเลย เขาเองก็ไม่เคยติดต่อไปเหมือนกัน อ่า…นั่นไงเขาเดินเข้าร้านมาแล้ว ^^;
 

“คริส กินไอติมไหม มีอยู่อีกอันหนึ่งน่ะ” พี่พนักงานในร้านคนหนึ่งถามผม ไอติมไม้แท่งเดียวเหรอ ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลยแหะ รสชาติมันจะเป็นยังไง แต่มันมีแค่ไม่เดียว ชานยอลล่ะ

“ชานยอล มานี่หน่อย” ผมเรียกเขาเข้ามาข้าง แกะไอติมออกจากพลาสติกห่อใสๆ

“หืม? มีอะไรเหรอ”

มือผมบีบไปที่คางของเขาให้อ้าปาก แล้วสอดไอติมแท่งยาวเข้าไปสุดไม้ ค่อยรูดออกจากปากเขาแล้วยัดเข้าไปแกล้งอีกครั้ง

“อ่า เสียวฟันนะ!” เขาร้องอู้อี้ในลำคอบอกผม

            แต่ภาพที่ผมเห็นทำให้หน้าผมร้อนไปหมดสะเอง เขาเอ่อ …อมไม้ไอติมไว้ครึ่งปาก มือที่จับไม้ไอติมไว้ มันเปอะเปื้อนจากของหวานที่ไหลออกมาจากปาก  >.,<; ฟู่ …ฟู่…ผมเบนหน้าไปทางอื่น

            “หมดแล้ว เย้ๆ ฮ่าๆๆๆ นี่คริส ทีหลังอย่าทำแบบนี้นะ ดูสิ อ่า…”

            เขาอ้าปากให้ผมดู ลิ้นเล็กๆสั่นระริกในปากแดงช้ำไปหมด ผมกลืนน้ำลายอึกลงคอ

            “เอ้อ รู้แล้วๆ”

            ผมบอกปัดๆไปก่อน ก่อนที่ผมจะยั้งตัวเองไม่อยู่ นิ่งแล้วหันหนีไปทางอื่น

            ‘ผมต้องซื้อไอติมพวกนี้กลับไปแช่ตู้เย็นที่ห้องเราไว้เยอะๆ’

 

            เวลาอาหารเย็น พวกเราได้ทานอาหารพร้อมๆกับพนักงานหลายๆคน เขากินบะหมี่ที่สั่งมาอย่างเอร็ดอร่อย นี่เป็นครั้งแรกของผมที่ได้กินอะไรร่วมกันคนอื่นแบบนี้ รสชาติมันใช้ได้มากๆเลย อร่อยกว่าอาหารที่พ่อบ้านของผมหามาแพงๆในบางครั้งสะอีก ^^;

            เวลาเลิกงานของเราคือ หนึ่งทุ่มตรงวันนี้ ก็อีกแค่ชม.เดียวเท่านั้น คนอื่นก็จะมาผลัดกับเราเป็นกะกลางคืน วันแรกของผมผ่านไปอย่างรวดเร็ว สนุกมากไม่เหนื่อยเลย ชานยอลมองมาที่ผมเสมอ เขาคงกังวลว่าผมจะทำได้หรือป่าว ไม่เป็นไรที่เขายังไม่เชื่อในตัวผม ผมจะทำต่อไป ตอนนี้ผมโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว ถ้าผมจะเริ่มเรียนรู้ใคร ผมต้องพิสูจน์ให้เขาเห็นจากใจจริงของผมเอง ผมต้องทำได้
 

            “อิ่มไหม เอาของชั้นไปไหม”

            “ไม่ อิ่มแล้ว”

            เขาบอกผมส่ายหัวยิ้มหวานมาอย่างน่ารัก >//////<;

            และเราก็เริ่มทำงานกันต่อจนหมดเวลางาน เก็บของกลับบ้าน

 

 
 

            ห้องพักของเรา

            “เหนื่อยไหม”

            “ไม่เหนื่อยเลย สนุกดีนะ”
 

ชานยอลถามผม ผมตอบไปตามความจริงแล้วยิ้มให้เขา ใครจะไปเหนื่อยล่ะครับมีเขาอยู่ใกล้ๆแบบนี้ ว่าแล้วก็อยากกอดเขาอีกครั้ง แต่ไม่ทัน -_-; เขาเดินเข้าห้องไปแล้ว เฮ้อ…
 

ผมยังไม่อยากเข้าห้องหรือทำอะไร อยู่ตรงนี้ไปก่อนล่ะกัน ผมทิ้งตัวลงโซฟาหน้าทีวี เอนตัวหลับตา พักสายตาซักพัก
 

“วันนี้กลับดึกนะ ไปทำงานพิเศษน่ะ” เสียงเขาดังขึ้นมา ผมหันไปมอง
 

O_o; ร่างกายคนตรงหน้าผมเปลือยเปล่า พันแค่ผ้าขนหนูรอบเอวไว้หลวมๆกับผ้าอีกผืนที่คล้องคอไว้ เม็ดน้ำที่เกาะร่างกายค่อยๆไหลลงสู่หน้าท้องบาง ใบหน้าหวานสลัดผมที่เปียกปอนเพื่อไล่น้ำออก สายตาเขาจับจ้องมาที่ผม หน้าผมร้อนรุ่มขึ้นมาอีกครั้ง ร่างกายผมอยากให้ผมขยับไปรวบตัวเขาไว้ แต่สมองสั่งการห้ามไว้ก่อน

“ว่าไง ได้ยินไหมคริส”

“เอ้อๆ อื้ม”

อยู่ใกล้หมอนี่ต่อไป ผมห้ามตัวเองไม่ได้แน่ๆ ผมเดินเข้าห้องตัวเองผ่านหน้าเขาไป แต่ไม่มองเขาเลย -_-;










 

 

 

bottom of page