top of page

 

 

บ้านของเรา

            18:45  เกือบทุ่มตรง

            ผมวางมือจากงานทั้งหมด หยิบกุญแจรถ เดินออกจากบ้าน ผมต้องขับรถไปรับคุณภรรยาผมอาสาไว้ ^^; ผมก็ไม่รับปากว่าจะขับไปรับถูก แต่เขาวาดแผนที่ไว้ให้บนโต๊ะก่อนออกไป และผมก็ไม่ลืมหยิบมันใส่กระเป๋าเสื้อมาด้วย

            ทางในเกาหลีไม่ได้ซับซ้อนมาก ผมขับรถไปเรื่อยๆตามเส้นทางที่บอก ชานยอลวาดน่าจะรู้ว่าผมอ่านเกาหลีไม่ออก เขาวาดเป็นภาพแล้วเขียนลูกศรสีแดงไว้ให้อย่างละเอียดตั้งแต่ผมขับออกจากบ้าน ในแผนที่ตัดเส้นทางที่ไม่เกี่ยวข้องกับเส้นทางของผมออกทั้งหมด เขาเป็นคนใส่ใจรายละเอียดของคนรอบข้างจนผมอดอมยิ้มทุกครั้งที่ก้มดูแผนที่ไม่ได้ ดูไปหน้าผมก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

            เมื่อผมมาถึงบริษัทที่ภรรยาผมทำงานอยู่ ผมขับรถไปจอดมองหาตู้หยอดเหรียญ เพื่อแลกชั่วโมงจอดรถ แต่ไม่มี ที่เกาหลีจอดฟรีเหรอ ? ผมต้องทำยังไง โทรหาดีกว่า

            “ยอโบเซโย ยอโบเซโย”

            “พี่เอง จอดรถอยู่ในตึกแล้ว”

            “เข้ามาตามที่ผมเขียนบอกสิครับ”

            “พี่ยังไม่ได้แลกเหรียญซื้อชม.จอดรถเลย หาไม่เจอ”

            “เข้ามาเลยครับ เดี๋ยวผมโทรไปบอกพนักงานให้ ผมรอข้างบนนะ”

            “อืม”

            ชานยอลกดวางสายผมไป ผมทำตามที่เขาบอก พนักงานก้มหัวให้ผม ผมก็ก้มตอบตามมารยาท

 

ชั้นที่ 38 ... เมื่อลิฟเปิดออก ผมเดินตรงเข้าไป

ก่อนที่ผมจะมองหาห้องทำงานของปาร์ค ชานยอล ผมก็เจอเขา ... O_o; ภรรยาของผมที่ถูกรายล้อมไปด้วยสาวๆ เขาถือกีต้าร์ไว้ในมือแล้วเล่นเพลงต่อหน้าพวกเธอ เสียงฮำเพลงเบาๆกับเสียงกีต้าร์ที่เขาเล่นดูเท่มาก สายตาของสาวๆเหล่านั้นมองไปที่ภรรยาผมเหมือนเป็นจุดรวมสายตาทั้งหมด ปากพวกเธอช่วยกันส่งเสียงร้องโยกตัวตามจังหวะดนตรีอย่างสนุกสนาน ภรรยาผมก็เหมือนกันเขาหัวเราะอย่างมีความสุข ... ผมเข้าไปหาเขาตอนนี้จะดีไหม T.T;

ผมกดโทรศัพท์เพื่อโทรหาเขาอีกครั้ง แล้วผมก็ไม่เดินเข้าไป ผมเลือกจะยืนรอตรงนี้ …

“ครับ”

“ถึงแล้วนะ รออยู่ตรงนี้” พวกเธอเหล่านั้นหยุดการกระทำทั้งหมด มองเขาคุยโทรศัพท์กับผม

“ครับ ผมรออยู่แล้ว เข้ามาหาผมหรือจะให้ผมเดินออกไปครับ”

“แล้วแต่นาย” ผมตอบไม่ถูกจริงๆ ผมรู้ว่าความรู้สึกไม่พอใจเกิดขึ้นกับผม แต่ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไร

“ครับ” ผมถูกตัดสายอีกครั้ง -_-;

ภรรยาผมเก็บกีต้าร์ใส่กระเป๋าแล้วส่งให้ผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเดินหายไปในห้องที่ผมคิดว่าเป็นห้องทำงานของภรรยาผมเอง เขาเดินตรงมาที่ผม แต่พวกเธอเหล่านั้นก็เดินตามมาด้วยเหมือนกัน

"ไปกันเถอะครับ มองอะไรล่ะ” อย่าร่าเริงใส่ตอนนี้จะได้ไหม อารมณ์ไม่ค่อยดี -_-;

“เอ่อ...ขอโทษนะคะ พี่ชานยอล ใครเหรอคะ?” เธอคนหนึ่งในกลุ่มสาวๆถามขึ้น เธอมองมาที่ผมแล้วยิ้มให้ผมบางๆ เพื่อน คนขับรถ คนสวน คนรู้จัก... นายจะตอบว่าอะไรชานยอล?

“อ่อ ลืมแนะนำให้รู้จัก ผมแต่งงานแล้วครับ ขอโทษที่ไม่ได้บอกทุกคน นี่คือคนที่ผมแต่งงานด้วย คุณคริส” ชานยอลจับมือผมไปกุมไว้สอดนิ้วเข้ามาประกบมือกับผม ยิ้มให้ผมและยิ้มให้พวกเธอ > <;

“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จัก ผมเป็นสามีชานยอลครับ ^^;” ผมไม่ได้ยิ้มกว้างมาก รักษาความหล่อเหลาบนใบหน้าผมไว้ให้มากที่สุด ผมนิ่งยิ้มมุมปากหน่อยๆ แล้วโอบชานยอลไว้

“พี่ชานยอล แต่งงานแล้วเหรอคะ จริงเหรอคะ”

“ครับ สามีผมเอง!”

>O<; หุบไม่อยู่แล้วครับ ผมหันไปยิ้มกับชานยอลแก้มแทบปริ่ออกมา เขาพยักหน้าแล้วยิ้มตอบผมกลับมาเหมือนกัน ผมไม่สนใจพวกเธอรอบข้างเขาแล้วตอนนี้ ผมมีความสุข

เราจับมือกันตลอดที่ลงลิฟยืนให้ไหล่เราสองคนเบียดกันไปมาทั้งที่ลิฟกว้างขวางและไม่มีใครเบียดมาใกล้เราสองคน แต่... เมื่อมาถึงรถ ชานยอลเปิดประตูรถให้ผม แล้วบอกจะขับรถเองจะเร็วกว่า ผมก็ยอมเข้าไปนั่งแล้วให้เขาขับแต่โดยดี -_-; ช่วงสั้นๆของคำสามีของผม ภรรยาผมเอาอีกแล้ว

 

 

 

“ไปกินมื้อเย็นกันเถอะ ผมหิว”

“แล้วแต่นาย พี่ยังไงก็ได้ครับ”

ชานยอลขับรถมาจอด แล้วลงมาเปิดประตูรถให้ผม -_-;

ร้านอาหารเล็กๆ บรรยากาศดูดีเมื่อมองจากข้างนอกทะลุกระจกเข้าไปในร้าน ผมเดินนำเข้าไปก่อน แต่ประตูถูผลักออกจากคนที่เดินตามหลังผมมา เขาเปิดประตูร้านให้ผม ใช้มือยันที่จับประตูค้างไว้รอจนผมเข้าไปในร้านแล้ว เขาปิดประตูร้านเดินตามผมเข้ามา T.T; ผมจะไม่ยอมพลาดให้เขาอีกแล้ว เขาเดินนำเข้ามาในร้าน แล้วนั่งลงก่อน มือผมแตะเก้าอี้ไว้ก่อนที่ผมจะลากมันออก เขายันขาใช้เท้าถีบเก้าอี้ฝั่งผมให้มันเลื่อนออกพอดีกับที่ผมกำลังจะนั่งลงไป …ขอบคุณครับ คุณภรรยา!

“เชิญนั่งครับ...” เขายิ้มสดใสอารมณ์ดีให้ผม -_-;

“ขอบใจ” ผมกดเสียงต่ำเหมือนไม่พอใจ มองออกไปนอกร้าน คิดว่าเขาต้องสั่งอาหารให้ผมอีกแน่ๆ

“ทานอะไรดีครับ ผมสั่งให้ไหม ทานเผ็ดไหมครับ”

ผมส่ายหัว นั่งรอเขาพูดรายชื่ออาหารกับบริกร บรรยากาศที่แสนดีดูห่อเหี่ยวขึ้นมาทันที ผมน่าจะพอใจที่มีคนดูแลผมดีขนาดนี้ ไม่ใช่เหรอ? ผมนั่งมองหน้าเขาที่ยิ้มแย้มให้กับผม ภาพในหัวผมเหมือนซ้อนทับตอนที่เขายิ้มให้กับสาวๆตอนเล่นกีต้าร์ จะดีกว่าไหมถ้าเขาจะแต่งานกับผู้หญิงเหล่านั้น พวกเธอคงมีความสุขที่มีผู้ชายแบบนี้ดูแลพวกเธอตลอดไป ผมทำลายอะไรไปหรือป่าว?

“อะ แอ่ม ! เหม่ออะไรครับ หืม?”

“ป่าวนิ บรรยากาศร้านสวยดี อา อาหารมาแล้ว” ผมชี้นิ้วไปที่บริกรที่ยกอาหารมาเสริฟพอดี หัวใจของผมเศร้าแปลกๆ มึนอึดอัดจนบอกไม่ถูก อธิบายออกมาไม่ได้

“อื้ม อ่า ...น่ากินจังเลยครับ ฮ่าๆๆๆ อ่ะจานนั้นเอามานี่ก่อนครับ” จานสเต็กของผม ชานยอลดึงเอาจากบริกรไปวางไว้ตรงหน้าตัวเองก่อน เขาค่อยใช้มีดกรีดเนื้อให้เป็นร่องขนาดพอดีคำ แต่ไม่ขาดออกจากกัน แล้วยกมาวางไว้ตรงหน้าผม

“ขอบใจนะ” ผมยิ้มบางๆ  ผมแตะมีดลงบนเนื้อแค่นิดหน่อยหั่นมันแบบไม่ต้องใช่แรงเลย อีกครั้งที่ชานยอลทำให้ผมแบบนี้ แล้วผมล่ะจะดูแลเขาได้บ้างไหม ผมเริ่มไม่แน่ใจ เพราะผมไม่เคยคิดจะดูแลใครมาก่อน ไกลไปอีกนิดแล้วความรู้สึกของผม ขยับเข้าไปหาเขาเรื่อยๆสะแล้ว...

 

 

 

สวนสาธารณะ

หลังจากทานอาหารเสร็จ เรายังไม่กลับบ้าน ภรรยาผมอยากออกมาเดินเล่นก่อน เขาจับมือผมแกว่งไปแกว่งมา โดดลิงโลดร่าเริงเหมือนเด็กๆได้ของเล่น ผมที่อดยิ้มตามไม่ได้ แต่ตอนนี้อารมณ์ร่าเริงของผมยังมีไม่พออยู่ดี Y.Y;

“เป็นอะไรหรือป่าวครับ”

“ป่าว” ผมส่ายหน้า

“กลับบ้านกันไหม”

“อีกเดี๋ยวก็ได้” กลับไปก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี -_-;

“อ่อ อืม ก่อนที่ผมยอมตกลงไปช่วยงานแม่ที่บริษัท ผมออกมาเดินที่นี่คนเดียวบ่อยมาก ตกดึกคนก็เริ่มน้อยลง แต่ตอนนี้คนยังเยอะอยู่ สามทุ่มเอง ฮ่าๆ อากาศดีนะผมได้กลิ่นไอของละอองฝนที่ลอยมาล่ะ ชอบไหมครับ” เขากางแขนอออกว้างแล้วหมุนตัวเป็นวงกลมเหมือนเต้นรำกับอากาศรอบตัว ใบหน้าหวานหลับตาเงยหน้าขึ้นรับลม หยุดก้าวขาวนไปมาตรงหน้าผมพอดี เหมือนมีแสงไฟหลากหลายสีลอยขึ้นรอบๆตัวของคนตรงหน้าผม ผมมองภาพนั้นเหมือนหลุดไปอีกโลกหนึ่ง ตอนนี้ผมอยากให้มีแค่เรา

“ชอบสิ ชอบเข้าแล้วล่ะ”

“อื้ม งั้นเรามาเดินด้วยกันบ่อยๆนะครับ”

“อืม” ผมพยักหน้าให้ รอยยิ้มผุดแย้มออกจากมุมปากของผมด้วยหัวใจ

ซ่า ... ซ่าน ... ฝนเริ่มโปรยปรายลงมา และตกหนักขึ้นทันที ไม่ทันที่เราจะวิ่งไปถึงรถเราทั้งคู่ก็เปียกปอนไปหมดทั้งตัว ชานยอลถอดสูทตัวเองออกให้เหลือแค่เสื้อขาวบางๆที่แนบไปกับเนื้อ เผยสัดส่วนหุ่นบางรอบเอวแบนราบ แผ่นหลังเว้าโค้งทุกส่วนได้รูป เอ่อ... ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอที่แห้งผาก เขาที่ลูบใบหน้าตัวเองเอาน้ำออก สลัดหัวไปมาให้ผมไม่โชกไปด้วยน้ำมากกว่านี้ ... เหมือนอะไรหนักๆทุบใส่หัวผม อาจจะเป็นค้อนของเทพเจ้าสายฟ้า -_-;  ผมหน้ามืดไปหมดทันที

แขนผมโอบรัดรอบเอวบางของเขารวบตัวเข้ามากอดแน่น ผมไม่ต้องการอ้อมกอดคืนตอบกลับมาจากอีกคน แรงเหวี่ยงให้ตัวเขาลอยขึ้นจากแขนผมกะแทกแผ่นหลังบางเข้ากับกระจกของประตูรถ อุก ...! “อ่า ...” เขาส่งเสียงออกมาเบาๆ มือจับไหล่ผมเอาไว้ทั้งสองมือ ผมรวบแขนเข้ามากอดคอ ไม่รอให้เราสบตากันอีกครั้ง ปากผมประกบปากเข้ากับคนตรงหน้ารวดเร็วและรุนแรงไม่ต่างกับฝนที่โปรยปรายใส่เราทั้งคู่อยู่ตอนนี้ เขารับจูบผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นผมที่ใช้สองมือรวบใบหน้าเขาบังคับให้โยกตามแรงของปลายลิ้นที่ตักตวงความหวานทั้งหมด เราหมุนตัวผลัดกันกระแทกกับตัวรถ ลิ้นของเราสอดเข้าหากันและกันแรงขึ้นหนักหน่วงขึ้น แรงกอดโอบรัดกันเบียดชิดร่างกายจนไม่มีช่องว่าง ไอร้อนออกจากร่างกายเราสองคนปะทะกับความเย็นเมื่อฝนกระทบผิวหนัง มือผมสอดเข้าเสื้อขาวของร่างที่ผมรุกเร้าอยู่ ถลกกระดุมออกจากตัวเสื้อกระชากออกจากไหล่ผอมบาง เขาหลีกหนีผมไปไม่ดีอีกแล้ว

ปากผมถอนจูบออกจากปากของเขา ตอนนี้เป็นผมที่แผ่นหลังติดกับรถของเรา มือของเขากำเสื้อที่อกผมไว้แน่น เราหายใจแรงออกมาทั้งคู่ ฝนที่ตกหนักขึ้น...ผมเปิดประตูรถออกแล้วดึงแขนเขาให้นอนลงที่เบาะหลังของรถ ผมตามเข้าไปแล้วปิดประตูรถทันที ผมค่อยๆดึงเสื้อออกจากตัวคนที่นอนอยู่ จับขาให้แหกออกดึงข้อเท้าลากเอวให้เข้ามาแนบกำลำตัวผมพอดี โยกตัวผมไปคร่อมตัวอีกคนสอดแขนเข้าเอวบางยกขึ้นให้แอ่นตัวเขาไว้ เขาไม่ได้หลีกหนีผมอีกต่อไปแล้ว ผมก้มลงทำคิสมาร์ครอบคอให้เป็นรอยช้า ลากลิ้นไซร้คอลงมาจนถึงยอดอกสวย ก่อนจะกดปากลงไปจูบมันบางเบาด้วยลิ้นดูดกลืนมันเข้าปากตลบลิ้นใส่มันไปมา “อื้อ... อึ อ่ะ” เสียงในลำคอของเขาดังออกมา คนในอ้อมแขนของผมยันตัวขึ้นกระตุกร่างกายตอบรับปากและลิ้นให้ผมรู้สึกหึกเหิม ร้อนเร่า

โอ๊ย ...หัวผมเหมือนมีสายฟ้าวิ่งผ่านด้วยความเร็วจนหน้ามืดไปหมดในทันที ผม...ทุกอย่างดับมืดลง

 

“…พี่คริส คริส ” ผมแตะไหล่ของเขาที่ฟุบไปตรงอกของผม เห้ย...เกิดอะไรขึ้นทำไมหยุดไปเฉยๆล่ะ ผมยันตัวลุกขึ้นมาประครองใบหน้าและไหล่ดึงเขาขึ้นมา ไอร้อนจากตัวเขากระทบกับมือผมทันทีที่แนบกับผิวหนัง แขนสองข้างค่อยๆถอดเสื้อเขาออกแล้วประครองไหล่คล้องคอผมไว้ให้เอนตัวลงช้าๆแทนที่เบาะที่ผมนอนอยู่ ผมถอดกางเกงเขาออก เสื้อผ้าเขาเปลียกหมดแล้ว เราตากฝนกันนานเกินไป พร้อมดึงผ้าห่มในรถมาคลุมตัวเขาไว้ ปรับฮิตเตอร์ในรถให้สูงขึ้น เขาช๊อคเพราะไม่เคยเจออากาศแบบนี้ เลยปรับตัวไม่ทัน ตื่นมาเขาจะไม่สบาย เป็นไข้แน่นอน  ผมโดดไปนั่งที่นั่งคนขับ แล้วเอาผ้าพันคอห่มตัวไว้ก่อน แล้วออกรถขับกลับบ้าน

ผมแบกเขาขึ้นหลัง ตัวหนักไม่ใช่เล่นเหมือนกัน น้ำหนักน่าจะพอๆกับผมเลยทีเดียว -_-; พาเข้ามาข้างในห้องนอน วางเขาลงบนเตียงของเรา ตัวเขาร้อนจี๋ ผมเดินเข้าห้องน้ำ หาอุปกรณ์มาเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ให้เรียบร้อย แล้วไปทำตัวเองให้แห้งบ้าง

 

00.15 เที่ยงคืน

อุณหภูมิในห้องถูกปรับให้เหมาะกับคนป่วย แต่ผ่านไปครึ่งคืนแล้วอาการเขาไม่ดีขึ้นเลย มีสองวิธีถ้าไม่ปลุกให้ลุกขึ้นมากินยา ก็ต้องทำให้ร่างกายเขาถูกแบ่งเบาไอร้อนออกมาได้สะดวก ผมถอดเสื้อตัวเองออกอย่างไม่ลังเล แล้วถอดเสื้อเขาออกเหมือนกัน ผมแนบร่างกายตัวเองเข้าไปกอดจนแนบชิดทุกส่วนไว้ให้มากที่สุดเท่าที่ร่างกายผมจะแบ่งเบามาไอร้อนมาได้ มือประครองวางหัวเขาไว้ที่ไหล่ผมแล้วลูบมันเบาๆ เสียงหายใจของเขายังเร็วและไม่สม่ำเสมออยู่มีเหงื่อออกเล็กๆที่ข้อแขน มือผมลูบแขนคนในอ้อมกอดถูไปถูมา เท้าเขาเย็นเฉียบ เมื่อเท้าผมแตะเข้าไปหา ผมต้องให้เขามากกว่านี้ ผมเอนตัวเองลงนอนราบกับเตียงแล้วยกตัวเขาขึ้นทับร่างกายผมทั้งหมด ถ้าผมเป็นคนทับเขาไว้เขาจะหายใจไม่สะดวก ผมดึงผ้าห่มคุมตัวเราสองคนจนมิด มือประครองหน้าคนป่วยไว้แล้วประกบปากพ่นไอร้อนจากปากผมเข้าปากของเขา ผมทำซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง เขาหายใจยาวออกมาเมื่อผมปล่อยปากออก ใบหน้าที่กังวลของผมเริ่มยิ้มออกแล้ว แต่ตัวเขายังร้อนอยู่ แขนผมกระชับแน่นขึ้นจับแขนเขามาสอดไว้ที่หน้าท้องของผมเอง เบี่ยงใบหน้าของเราให้แนบติดกันไว้ แม้แต่ปลายเท้าของเขาผมก็ประกบปลายเท้าตัวเองแนบติดไว้จนมิด

           

 

 

            03.10 ตีสามผ่านไป

            ผมนอนฟังเสียงหายใจและสัมผัสไอร้อนจากตัวเขา ไม่ได้หลับตาลงเลย อ่า ...แขนเขากระชับเอวผมเข้าไปกอด เขารู้สึกตัวแล้ว เฮ้อ ... ผมกดจูบลงไปขมับเขาเบาๆ เพื่อขอบคุณที่ไม่เป็นอะไรไปมากกว่านี้ รอยยิ้มของผมกลับมาเติมเต็มใบหน้าแล้วตอนนี้ จนกว่าเขาจะฟื้น ผมจะหลับตาลงให้ช้าที่สุด 




 

 

คืนที่ 2

bottom of page